xs
xsm
sm
md
lg

BPPลั่นครึ่งหลังปี68ปรับดีขึ้น เหตุดีมานด์ไฟสหรัฐฯพุ่ง-เลื่อนปิดซ่อมBLCPจ่อเสนอขายไฟนอกสัญญา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



BPPชี้ครึ่งหลังปี68ปรับตัวดีขึ้นจากความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ และโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีเลื่อนปิดซ่อมบำรุงจากไตรมาส3ปีนี้เป็นปีหน้าแทน ทำให้ขายไฟฟ้าครบตามสัญญาก่อนกำหนด เตรียมเจรจาขายไฟนอกสัญญาราว 1 เดือน จ่อเจรจากระทรวงพลังงานอายุโรงไฟฟ้า BLCPออกไป 10 ปี ส่วนแผนลงทุน 5 ปียังตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่อีก 1,500 เมกะวัตต์ งบลงทุน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเร่งเจรจาM&Aโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ

นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี2568 จะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากไตรมาส3นี้เข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศสหรัฐฯ ทำให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผลประกอบการของโรงไฟฟ้า Temple I และ Temple II ในสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทได้เข้าสู่ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า (Power Trading) ในตลาดไฟฟ้าเสรี ERCOT (Electric Reliability Council of Texas) นับเป็นบริษัทไทยรายแรกที่รุกธุรกิจPower Trading ในตลาดไฟฟ้าเสรี ERCOT รวมถึงธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้า( Power Retail )ผ่านBKV Energy ซึ่งเป็นการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มในตลาดสหรัฐฯ สะท้อนความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจผลิตไฟฟ้าครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ


ขณะเดียวกันบริษัทยังมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedge) เพื่อล็อกรายได้ไว้แล้วบางส่วน ช่วยหนุนให้รายได้ปีนี้ทำให้ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน

นอกจากนี้ บริษัทได้เลื่อนการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าถ่านหิน BLCP ในประเทศไทย หน่วยผลิตที่ 2 จากเดิมจะปิดซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ก็เลื่อนไปเป็นปี 2569 ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายราว 100 ล้านบาท รวมทั้งยังรับรู้รายได้จากการขายไฟนอกสัญญาหลังผลิตไฟฟ้าครบตามสัญญาเร็วกว่ากำหนดราว 30วัน

ส่วนกรณีโรงไฟฟ้า BLCP ที่จะหมดอายุสัญญาในปี 2575 บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเสนอกระทรวงพลังงานเพื่อพิจารณาต่ออายุโรงไฟฟ้าออกไป 10 ปี

สำหรับงบลงทุนปีนี้ บริษัทเตรียมไว้ประมาณ 200 – 400 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยครึ่งปีแรกนี้ใช้เงินลงทุนไปแล้วประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการลงทุนธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) ในประเทศญี่ปุ่น ส่วนเงินลงทุนที่เหลือเตรียมไว้สำหรับรองรับการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้า และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าในต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯที่อยู่ระหว่างการพิจารณาหลายโครงการ ทำให้ผลประกอบการเติมโตตามแผน


นายอิศรา กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนสำหรับ 3-5 ปี ไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขยายกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ (MW) ภายในปี 2573 จากปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 3,600 MW พร้อมตั้งเป้ากำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตมากกว่า 1.5 เท่า


สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกปี 2568 BPP มีกำไรสุทธิ 1,846 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวม 4,486 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ Temple I และ II ปรับตัวดีขึ้น และมีกำไรจากการวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน (Change in Fair Value of Financial Instrument) อันเป็นผลจากการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงในราคาที่ดี โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (CHPs) ในจีนที่บริหารต้นทุนถ่านหินได้มีประสิทธิภาพ และรายได้จากการขายสิทธิการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เพิ่มขึ้น


ธุรกิจพลังงานความร้อน (Thermal Energy): โรงไฟฟ้าเจิ้งติ้งในจีน เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยใช้ชีวมวลร่วมกับเชื้อเพลิงหลักในสัดส่วนร้อยละ 10 ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ราว 70,000 ตันต่อปี ส่วนโรงไฟฟ้าโจวผิงได้เริ่มก่อสร้างระบบท่อส่งไอน้ำฝั่งเหนือในเดือน ก.ค.และกำลังศึกษาการขยายท่อเพิ่มเติมไปยังฝั่งตะวันตกและตะวันออกเพื่อส่งมอบไอน้ำที่มีความเสถียรและคุ้มค่าให้แก่ภาคอุตสาหกรรมได้มากขึ้น ขณะที่โรงไฟฟ้า HPC ในสปป. ลาว และ BLCP ในไทย ยังคงรักษาค่าความพร้อมจ่ายไฟ (EAF) ในระดับสูงที่ 89% และ 90% ตามลำดับ


ธุรกิจ Renewables+: โครงการอิวาเตะ โตโนะ (Iwate Tono) แบตเตอรี่ฟาร์มในญี่ปุ่น กำลังไฟฟ้า 14.5 เมกะวัตต์ ความจุพลังงาน 58 เมกะวัตต์ชั่วโมง ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดย BPP ยังเดินหน้าขยายธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) ที่ญี่ปุ่น ผ่าน Banpu NEXT ซึ่ง BPP ถือหุ้นร้อยละ 50 โดยตั้งเป้าสู่การเป็นผู้เล่นหลักในธุรกิจ BESS ของญี่ปุ่น พร้อมทั้งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการลงทุน BESS สู่ตลาดสหรัฐฯ ในอนาคต

BPPมุ่งเป็นผู้นำและพัฒนาพลังงานที่ไม่หยุดแค่การผลิตไฟฟ้า แต่ยังต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยธุรกิจ Power Trading ในตลาดสหรัฐฯ ผ่านบริษัทลูก BPPUS นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างรายได้จากธุรกิจซื้อขายสิทธิรายได้จากความแออัดของระบบสายส่งไฟฟ้า หรือ Congestion Revenue Rights (CRR) รวมรายได้ตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ CRR ในไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา จนถึงครึ่งปีแรก 2568 กว่า 133 ล้านบาท และเตรียมขยายสู่ตลาด Intercontinental Exchange (ICE) เพื่อทำกำไรจากตลาดซื้อขายไฟล่วงหน้าจากการคาดการณ์ราคาพลังงาน (Proprietary Trade) ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนควบคู่กับธุรกิจผลิตไฟฟ้าอันเป็นธุรกิจหลักของบริษัทที่ยังคงสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น