รอยเตอร์ - เวียดนามที่พึ่งพาการผลิตพลังงานจากถ่านหินได้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญภายในปี 2573 โดยมุ่งเน้นที่พลังงานหมุนเวียนและเพิ่มพลังงานนิวเคลียร์ลงในแผนพลังงานแห่งชาติที่ปรับแก้ใหม่ของประเทศ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว รัฐบาลเวียดนามระบุว่าเวียดนามจะต้องลงทุน 136,300 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573 ซึ่งเทียบเท่ากับมากกว่า 1 ใน 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในปี 2567
ศูนย์กลางอุตสาหกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้จำเป็นต้องขยายอุปทานด้านพลังงานอย่างรวดเร็วตามความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดแคลนที่สร้างความตระหนกให้กับนักลงทุนต่างชาติเมื่อไม่นานนี้ นอกจากนี้ ยังต้องลดการใช้ถ่านหิน ที่ยังคงเป็นแหล่งพลังงานหลักของประเทศ
ภายใต้แผนที่ผ่านการรับรองแล้ว เวียดนามต้องการเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมดเป็นประมาณ 183-236 กิกะวัตต์ภายในปี 2573 เพิ่มขึ้นจากมากกว่า 80 กิกะวัตต์เมื่อสิ้นปี 2566 รัฐบาลระบุเมื่อค่ำวันพุธ
และเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เวียดนามได้กลับมาเดิมพันกับพลังงานนิวเคลียร์อีกครั้ง หลังระงับโครงการไปในปี 2559 จากเหตุภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะในญี่ปุ่น และท่ามกลางข้อจำกัดด้านงบประมาณ
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ระหว่างปี 2573-2578 โดยมีกำลังการผลิตรวมสูงสุดที่ 6.4 กิกะวัตต์ รัฐบาลระบุ และเสริมว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กำลังการผลิต 8 กิกะวัตต์ จะถูกเพิ่มเข้ามาในช่วงกลางศตวรรษ
เจ้าหน้าที่กล่าวว่าเวียดนามได้หารือเกี่ยวกับเครื่องปฏิกรณ์โมดูลาร์ขนาดเล็ก ที่ทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ระบุว่ายังอยู่ในระหว่างการพัฒนา แต่จะสร้างได้ในราคาที่ถูกกว่าเครื่องปฏิกรณ์พลังงานขนาดใหญ่
รัฐบาลกล่าวเมื่อต้นปีว่าจะหารือกับพันธมิตรต่างประเทศเกี่ยวกับโครงการพลังงานนิวเคลียร์ รวมทั้งจากรัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา บริษัท Korea Electric Power Corp ได้แสดงความสนใจในโครงการนิวเคลียร์ของเวียดนาม ขณะที่ผู้บริหารของบริษัทได้เดินทางเยือนประเทศ
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับรัฐบาลกล่าวกับรอยเตอร์ว่าเวียดนามให้ความสำคัญกับผู้รับเหมาจากรัสเซียและญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่ยังเปิดรับผู้รับเหมารายอื่นๆ ที่เสนอเทคโนโลยีที่ดีและราคาที่แข่งขันได้
ภายใต้แผนใหม่ พลังงานแสงอาทิตย์จะมีสัดส่วนที่ 25.3%-31.1% ของกำลังการผลิตทั้งหมดภายในปี 2573 เพิ่มขึ้นจาก 23.8% ในปี 2563 ในขณะที่พลังงานลมบนบกและใกล้ชายฝั่งจะเพิ่มขึ้นเป็น 14.2%-16.1% จากเกือบศูนย์เมื่อต้นทศวรรษ รัฐบาลระบุ
ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินจะมีสัดส่วนที่ 13.1% -16.8% ของพลังงานผสม ลดลงจากราว 1 ใน 3 ในปี 2563 และโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวจะมีสัดส่วนที่ 9.5% -12.3% ของกำลังการผลิตทั้งหมดจากศูนย์ในปัจจุบันน
รัฐบาลยังกำหนดเป้าหมายของพลังงานลมนอกชายฝั่ง ที่ 6-17 กิกะวัตต์ ระหว่างปี 2573-2578 โดยมีเป้าหมายที่ 6 กิกะวัตต์ สำหรับทศวรรษนี้ แต่ยังไม่มีการก่อสร้างใดๆ เกิดขึ้น.