xs
xsm
sm
md
lg

“อัยการฯ”ตรวจร่างสัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน”เสร็จแล้ว ติงหลายประเด็น รฟท.นัดซี.พี.ถก 18 ส.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อัยการสูงสุด”ตรวจร่างแก้สัญญาร่วมทุนฯ”รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน”เสร็จแล้ว ติงหลายประเด็น แบ่งจ่ายค่าแอร์พอร์ตลิงก์ สร้างไปจ่ายไป หวั่นขัดหลักการเดิม รฟท.นัดซี.พี.หารือ 18 ส.ค.นี้ ยืนยัน ไม่กระทบหลักการ และรัฐไม่เสียประโยชน์

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า จากที่ รฟท.ได้ส่งร่างสัญญาร่วมลงทุนฉบับแก้ไข โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. วงเงิน 224,544 ล้านบาท ที่มีบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด (ซี.พี.) เป็นผู้รับสัมปทาน ระยะเวลา 50 ปี ให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบตั้งแต่เมื่อเดือนเม.ย. 2568 ที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2568 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ส่งร่างสัญญาฯ ดังกล่าวกลับมาที่ รฟท.แล้วโดยขณะนี้ รฟท. กำลังดูรายละเอียดความเห็นของอัยการสูงสุด และในวันที่ 18 ส.ค. 2568 คณะทำงานแก้ไขสัญญาโครงการฯ ที่มี นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าฯรฟท.เป็นประธาน จะนัดหมาย บจ.เอเชีย เอรา วัน มารับทราบความเห็นจากอัยการสูงสุดและร่วมวิเคราะห์หารือในรายละเอียดร่วมกันต่อไป

รายงานข่าว แจ้งว่า  หนังสือจากอัยการสัญญานั้นมีหนังสือนำ 1 ฉบับ และมีร่างสัญญาที่แก้ไขอีก 1 ฉบับ ซึ่งเบื้องต้นมีความเห็นแก้ไขจากอัยการประมาณ 10 ข้อ และอัยการเห็นว่า ควรแก้ไขหลักการให้เสร็จก่อนค่อยแก้สัญญา แต่ในส่วนของรฟท.และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC มีความเห็นตรงกันว่า หากการแก้ไขสัญญามีผลต่อหลักการเดิมของมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบไปแล้ว ก็จะขอแก้ไขหลักการและแก้ไขร่างสัญญา ไปพร้อมๆกัน ได้

“ประเด็นตอนนี้คือ อัยการมีความเห็นว่า การแก้ไขร่างสัญญา อาจขัดกับหลักการหรือไม่ และรัฐต้องไม่เสียประโยชน์ ซึ่งเมื่ออัยการสูงสุดมีความเห็นมา รฟท.จะนำทุกประเด็นมาพิจารณาเพื่อยืนยัน ว่า ที่ได้ดำเนินการแก้ไขมานั้นไม่ขัดต่อหลักการ และต้องนำเสนอให้ครบถ้วน แต่หากพิจารณาแล้วขัดต่อหลักการตามความเห็นของอัยการสูงสุด ก็ต้องมีการแก้ไขหลักการ ก็จะนำเสนอเพื่อพิจารณาไปพร้อมกัน ทั้งแก้ไขหลักการและแก้ไขร่างสัญญาเพื่อไม่ให้ล่าช้า “


สำหรับ ประเด็นความเห็นอัยการสูงสุด เกี่ยวกับการแก้ไขสัญญา ที่อาจขัดต่อหลักการสัญญา เช่น กรณีแก้ไขเงื่อนไข การชำระค่าสิทธิให้ร่วมลงทุนในโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (ARL) โดยให้เอกชนแบ่งชำระค่าสิทธิจำนวน 10,671.09 ล้านบาท เป็น 7 งวด เป็นรายปี จำนวนเท่า ๆ กัน โดยต้องชำระงวดแรก ณ วันที่ลงนามแก้ไขสัญญา อัยการสูงสุดมองว่า ถ้าเอกชนยังจ่ายค่าใช้สิทธิ์ไม่ครบถ้วน ก็ไม่ควรจะได้สิทธิ์บริหารโครงการ ซึ่ง รฟท. จะยืนยันว่า เงื่อนไขเดิมให้ชำระค่าสิทธิ์เป็นเงินสดงวดเดียว แต่จะแก้เป็นแบ่งชำระเหมือนผ่อนจ่าย โดยมีข้อตกลง และมีหลักประกันเอาไว้ด้วย

รวมถึงกรณี แก้ไขปรับวิธีการชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุนในโครงการฯ (Public Investment Cost: PIC) ทั้งโครงการ จากเดิมกำหนดชำระเงินเมื่อก่อสร้างโครงการฯ แล้วเสร็จและเริ่มเปิดให้บริการเดินรถ แล้ว จำนวนไม่เกิน 149,650 ล้านบาท เป็นโดยรัฐต้องจ่ายเร็วขึ้นตามจ่ายเป็นงวด ตามความก้าวหน้าของงานก่อสร้างที่ รฟท. ตรวจรับ ซึ่งวงเงินรวมเป็น 125,932.54 ล้านบาท เป็นวิธีสร้างไปจ่ายไป ซึ่งทำให้รัฐประหยัดค่าดอกเบี้ยได้ประมาณ 24,000 ล้านบาท ซึ่งทางอัยการสูงสุดก็มีความเห็น ว่า อาจจะขัดกับหลักการที่แก้ไขด้วยหรือไม่ ซึ่งหลักการตามสัญญาได้รับการอนุมัติจากมติครม.อยู่แล้ว รฟท.จึงอยากให้ระบุว่าสิ่งที่แก้ไขขัดกับหลักการหรือไม่ ถ้าขัดกับหลักการจะได้ไปแจ้งครม.เพื่อขอปรับแก้มติเดิม

มีการเตรียมแผนงานในการนำเสนอแก้ไขสัญญาไว้ 2 แบบ โดยหลังจากหารือในวันที่ 18 ส.ค.นี้ หากวิเคราะห์ความเห็นของอัยการสูงสุดแล้วยืนยันไม่ขัดต่อหลักการที่ครม.มีมติ จะสรุปส่งไปหารือกับ สกพอ.หรือ EEC, คณะกรรมการกำกับสัญญา บอร์ด อีอีซี เสนอครม. ขอแก้ไขสัญญาอย่างเดียว และลงนามแก้ไขสัญญาฯ แต่หากเห็นว่า แก้ไขสัญญามีผลขัดต่อหลักการที่ครม.เห็นชอบไว้ ก็จะหารือกับ หารือภายในกับ สกพอ. และบอร์ดรฟท. ก่อนจากนั้นจะเสนอ บอร์ดอีอีซีและครม. แก้ไขร่างสัญญาและหลักการ ในคราวเดียว รฟท.จะเร่งดำเนินการ โดยเคารพความเห็นอัยการสูงสุดและหลักการแนวทางไม่ทำให้รัฐเสียหาย


กำลังโหลดความคิดเห็น