“ธนกร” แนะรัฐบาลเดินหน้าโครงการ EEC ตามยุทธศาสตร์ชาติต่อเนื่อง เผย ปี 66 ยอดลงทุนแล้วกว่า 2 แสนล้าน พร้อมเสนอขยายผลพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษใต้-ภูมิภาคอื่นเพิ่ม
นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวกลับสู่ระดับศักยภาพ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 2.4 และ 3.2 ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ ซึ่งได้รับแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดี ตามการใช้จ่ายในหมวดบริการ รวมทั้งแรงสนับสนุนจากการจ้างงานและรายได้แรงงานที่ปรับดีขึ้น และในระยะต่อไป เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวสมดุลมากขึ้น จากภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่องและภาคการส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัว
โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวและเติบโตอย่างรวดเร็วจากร้อยละ 2.5 ในปี 2566 เป็นร้อยละ 4.2 ในปี 2567 เนื่องจากการดำเนินมาตรการทางการคลังและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และหนี้ภาครัฐบาลสุทธิอยู่ในระดับปานกลาง ขณะที่ภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการที่ไทยได้เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี (EEC) มาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จึงขอให้รัฐบาลควรเน้นการลงทุนตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศเหมือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเห็นได้ชัดจากความสำเร็จของโครงการอีอีซี ที่ประสบความสำเร็จอย่างดี มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ สร้างรายได้เข้าประเทศ เพิ่มการผลิต การจ้างงานจำนวนมาก
นายธนกร ยังระบุด้วยว่า ผลการลงทุนในอีอีซี ซึ่ง 9 เดือนที่ผ่านมา ปี 2566 ยื่นขอลงทุน 552 โครงการ เงินลงทุนรวม 231,660 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศหรือ FDI มีจำนวน 433 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 78 ของโครงการทั้งหมด มูลค่าเงินลงทุน 217,246 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 93 ของมูลค่าเงินลงทุนในพื้นที่อีอีซีทั้งหมด และล่าสุด บอร์ด กพอ. ยังได้เห็นชอบ แผนภาพรวมพัฒนาพื้นที่ ตั้งเป้า 5 ปี (2566-2570) ให้เกิดเม็ดเงินลงทุน 5 แสนล้าน ผลิตภัณฑ์มวลรวมของพื้นที่ อีอีซี (GPCP EEC) ขยายตัวร้อยละ 6.3 พร้อมอนุญาต EEC Visa โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่สำคัญๆ ได้แก่ ได้รับ EEC Work permit อัตโนมัติ เสียภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา ณ อัตราคงที่ 17% อายุ VISA สูงสุด 10 ปี
“จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่รัฐบาลจะให้ความสำคัญในการลงทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขันของประเทศ และส่งเสริมการกระจายรายได้ให้ทั่วถึง โดยเร่งขยายพัฒนาเศรษฐกิจไปยังภาคอื่น ๆ ของประเทศให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำ
ส่งเสริมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมขั้นสูง นวัตกรรม และภาคส่วนที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพและการขยายโครงสร้างพื้นฐานและบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในภูมิภาคมากขึ้น การปรับปรุงระบบลอจิสติกส์และการขนส่ง ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ นำไปสู่การมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนทั่วทั้งประเทศ เช่น การส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน (Southern Economic Corridor: SEC) ซึ่งได้มีการริเริ่มมาบ้างแล้ว ควรดำเนินการต่อไปให้สำเร็จโดยเร็ว ขยายไปยังภูมิภาคอื่นต่อไป” นายธนกร กล่าว