BAFS ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/68 มีกำไรสุทธิ 56 ล้านบาท โตขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน ปริมาณขนส่งน้ำมันทางท่อที่เพิ่มขึ้น และการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รองรับภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทายรอบด้าน สำหรับงวดครึ่งแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิจำนวน 199.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% บอร์ดฯอนุมัติปันผลระหว่างกาล 0.11 บาท/หุ้น กำหนดจ่าย 11 ก.ย.นี้
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีในช่วงที่ผ่านมากำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ส่งผลให้ภาพรวมภาคการท่องเที่ยวครึ่งแรกของปี 2568 ชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานยังอยู่ในระดับที่เอื้อต่อธุรกิจของกลุ่มบริษัท ทำให้การดำเนินการของ BAFS ยังคงเติบโตและมีกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวนรวม 56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ในไตรมาส 2/68 บริษัทมีรายได้รวม 876.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ EBITDA มีจำนวน 422.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกในปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทจำนวน 199.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 9% ตามการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจ Aviation และการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจ Utilities โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,843.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ EBITDA เติบโต 9% มาอยู่ที่ 944.4 ล้านบาท
ม.ล.ณัฐสิทธิ์กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจ Aviation ในช่วงครึ่งปีแรกมีการฟื้นตัวด้วยอัตราที่ชะลอลงเล็กน้อย โดยมีปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานอยู่ที่ 2,679 ล้านลิตร จากเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 5,400 ล้านลิตร ซึ่งสอดคล้องกับการชะลอตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยภาพรวมพบว่าการเดินทางทางอากาศยังคงมีเสถียรภาพ เนื่องจากสายการบินยังคงรักษาจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศได้ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน และแม้ว่าปริมาณการเติมน้ำมันของจีนจะลดลงเล็กน้อย แต่ในทางกลับกันจำนวนเที่ยวบินจากอินเดียแสดงสัญญาณการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยมีปริมาณการเติมน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 19% มีปัจจัยสนับสนุนหลักคือการขยายเส้นทางบินตรงระหว่างเมืองรองของอินเดียกับประเทศไทย นอกจากนี้ เส้นทางการบินอื่นๆ รวมถึงเส้นทางบินภายในประเทศยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาพรวมของธุรกิจเติมน้ำมันอากาศยานได้
ส่วนกลุ่มธุรกิจ Utilities มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการทำการตลาดเชิงรุก โดยในครึ่งปีแรกมีปริมาณขนส่งน้ำมันอยู่ที่ 704 ล้านลิตร เติบโตขึ้นถึง 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 55% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ 1,290 ล้านลิตร นอกจากนี้ โครงการเชื่อมต่อระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (อ่างทอง-สระบุรี) ในปัจจุบันมีความคืบหน้าของการก่อสร้างโครงการราว 32% มั่นใจเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2569 ในขณะที่ กลุ่มธุรกิจ Power ยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด บจ.บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่คอร์เปอเรชั่น ได้ดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) กำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 0.9 เมกะวัตต์แล้วเสร็จ โดยเริ่มเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ (COD) และทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของผลการดำเนินงานงวดหกเดือนแรกของปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.11 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 และให้กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 11 กันยายน 2568