xs
xsm
sm
md
lg

BEM โชว์ Q2/68 กำไร 993 ล้านบาท รายได้เฉียด 4 พันล้าน รถไฟฟ้าผู้โดยสารโตต่อเนื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



BEM โชว์ผลงานไตรมาส 2/2568 รายได้รวม 3,997 ล้านบาท กำไรสุทธิ 993 ล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อน รถไฟฟ้าผู้โดยสารเพิ่ม มั่นใจ 3 ธุรกิจโตยั่งยืน สีน้ำเงินสัมปทานถึงปี 93 เตรียมเดินรถสีม่วงตลอดสายหนุน S-Curve ส่วนสีส้มคาดคุ้มทุนใน 5-6 ปี หลังเปิดบริการ

ดร.สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/2568 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 3,997 ล้านบาท กำไรสุทธิ 993 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีก่อน โดยภาพรวมของสภาพเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน ส่งผลให้ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ประกอบกับรูปแบบการเดินทางและตัวเลือกของเส้นทางเดินทางของผู้ใช้บริการมีมากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการในภาพรวมทรงตัว

โดยมีรายได้จากธุรกิจระบบรางมีจำนวน 1,623 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 20 ล้านบาท มีปริมาณผู้ใช้บริการเฉลี่ย 385,800 เที่ยวต่อวัน และในวันทำการเฉลี่ยอยู่ที่ 456,400 เที่ยวต่อวัน

ส่วนรายได้จากธุรกิจทางพิเศษ มีจำนวน 2,084 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 30 ล้านบาท ในภาพรวมมีปริมาณรถที่ใช้ในทางพิเศษ เฉลี่ยอยู่ที่ 1.08 ล้านเที่ยวต่อวันปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันที่เฉลี่ยอยู่ที่ 1.10 ล้านเที่ยวต่อวัน

และรายได้จากธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ มีจำนวน 290 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน ทั้งนี้ BEM ได้จ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการของปี 2567 แก่ผู้ถือหุ้นไปเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 2,247 ล้านบาท

“BEM เชื่อมั่นว่าธุรกิจของบริษัทเน้นความยั่งยืนมาก ทั้งการบริหารงานและการเติบโต ทุกครั้งที่ตั้งใจประมูลงานโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐจนสำเร็จได้มาแล้ว และมั่นใจมากว่าจะทำให้ไปสู่เป้าหมายนั้นได้อย่างแน่นอน ยกตัวอย่างรถไฟฟ้าทั้ง 3 สัญญาสัมปทาน สายสีน้ำเงินที่เป็นเส้นทางวงกลมรอบกรุงเทพฯ เพียงสายเดียวที่ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายอื่น รถเมล์ รถยนต์อย่างไรก็ต้องไปเจอสายสีน้ำเงิน สายนี้กำลังกลายเป็น S-Curve ที่ใหญ่ขึ้น หลังจากถึงจุดคุ้มทุน (Break Even Point) และได้รับการต่อสัญญาสัมปทานขยายเวลาไปถึงปี 2593 ส่วนสายสีม่วงที่ BEM เป็นผู้รับจ้างเดินรถนั้น หากได้เป็นผู้เดินรถต่อเนื่องตลอดทั้งสายก็จะกลายเป็น S-Curve ที่ใหญ่ขึ้นเช่นเดียวกัน ขณะที่สายสีส้มยังต้องใช้เวลาหลังจากเปิดให้บริการอีกประมาณ 5-6 ปี จึงจะถึงจุดคุ้มทุน ทั้งหมดเป็นภาพการเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืน โดยไม่ต้องเอ่ยถึงธุรกิจทางพิเศษเพราะถึงจุดคุ้มทุนไปแล้วและยังเป็นธุรกิจที่ส่งกำลังให้ BEM ในภาพรวม ซึ่งทางพิเศษศรีรัช หรือทางด่วนขั้นที่สองถือเป็น Super Cash Cow ได้เลย” ดร.สมบัติกล่าว

สำหรับภาพรวมการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม งานโยธาส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 22.5 กม.เสร็จแล้ว ส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร มีความคืบหน้า 10% เป็นไปตามแผนงาน ส่วนขบวนรถอยู่ในขั้นตอนการผลิตซึ่งจะทยอยมาถึงประเทศไทยในปี 2569

BEM จะยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ เพื่อส่งมอบการบริการคมนาคมขนส่งที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างมูลค่าเพิ่มและประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน


กำลังโหลดความคิดเห็น