xs
xsm
sm
md
lg

“ท็อปส์เดลี่” ผุดโมเดลไฮบริดขายไวน์ ทำเลท่องเที่ยวรับCVSพุ่ง 6 แสนล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

  • • ร่วมมือกับ ท็อปส์ ไวน์ เซลล่าร์ เพื่อขยายธุรกิจ
  • • เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพรีเมียม
  • • ผสานจุดแข็งของร้านสะดวกซื้อและร้านไวน์เฉพาะทาง


ผู้จัดการรายวัน 360 - ท็อปส์ เดลี่ แตกไลน์โมเดลใหม่ “TOPS DAILYxTOPS WINE CELLAR” ผสานความแข็งแกร่งแบรนด์ในเครือ “ร้านสะดวกซื้อ – ร้านไวน์เฉพาะทาง” เจาะตลาดนักท่องเที่ยว – ดีมานด์เครื่องดื่มพรีเมียมแอลกอฮอล์ นำร่องทดลองเฟสแรก 13 สาขาในไพรม์โลเคชัน ตั้งเป้าขยายเพิ่ม 20 - 25 สาขาในปี 2568 รับตลาดคอนวีเนียนสโตร์โตกว่า 6 แสนล้าน


นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล (ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต )กล่าวว่า ธุรกิจร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยยังคงมีอัตราการแข่งขันที่สูงจากอานิสงส์เทรนด์การบริโภคใหม่ ๆ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย และการเติบโตขึ้นของภาคการท่องเที่ยว โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2568 มูลค่าตลาดดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตสูงถึง 6.38 แสนล้านบาท (ที่มา: ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์)

ท็อปส์จึงได้เดินหน้าวางหมากกลยุทธ์สำคัญด้วยการสร้างความแตกต่างทางธุรกิจให้กับท็อปส์ เดลี่ เพื่อสู้สังเวียนธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่มีการแข่งขันสูง โดยเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากการคาดการณ์ของ ททท. จะมีนักท่องเที่ยวถึง 40 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่ 35.54 ล้านคน ซึ่งมาพร้อมดีมานด์สินค้ากลุ่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 13% ในพัทยาและภูเก็ต บวกกับจุดขายของแบรนด์ใมเครือของท็อปส์ที่มีอยู่ นำมาผสานเข้าด้วยกัน 


กระทั่งเกิดเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ ‘TOPS DAILY x TOPS WINE CELLAR’ นิยามใหม่ของร้านสะดวกซื้อไฮบริดโมเดลที่ผสานความแข็งแกร่งของแบรนด์ ท็อปส์ เดลี่ มินิซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีจุดแข็งในเรื่องของสินค้าอุปโภค-บริโภคหลากหลายจากทุกมุมโลกเข้ากับสเปเชียลตี้ สโตร์อย่าง ท็อปส์ ไวน์ เซลล่าร์ ซึ่งมีความโดดเด่นด้านการคัดสรรไวน์ที่มีคุณภาพโดยทีมผู้เชี่ยวชาญการจัดซื้อไวน์ จำหน่ายไวน์ พรีเมียมและไวน์เอกสิทธิ์โดยตรงจากโรงบ่มไวน์ชั้นนำ ในราคาที่คุ้มค่า เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การช้อปปิ้งในร้านสะดวกซื้อในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความต้องการของลูกค้าในพื้นที่แบบตรงจุด ครบจบในที่เดียวตามวิสัยทัศน์ Truly World-Class Omni-Channel Lifestyle Food Retai


l
นางสาวเมทินี พิศุทธิ์สินธพ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า TOPS DAILY x TOPS WINE CELLAR คือไฮบริดโมเดลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและยังเป็นแบรนด์แรกในตลาดที่รวมร้านสะดวกซื้อและร้านขายไวน์เฉพาะทางเข้าด้วยกันเพื่อสร้างความสะดวกสบายพร้อมประสบการณ์ช้อปปิ้งที่สนุกและตอบโจทย์ให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ตามแนวคิด Joy-venience Store ของท็อปส์ เดลี่ โดยได้นำร่องเปิดตัวสาขาแรกที่ ท็อปส์ เดลี่ ลากูน่า วิลเลจ จ.ภูเก็ต เปิดให้บริการเมื่อปลายปี 2567 

ที่ผ่านมา เราได้ขยายไลน์กลุ่มสินค้าแอลกอฮอล์เช่น เบียร์ ไวน์ และสุรา จาก 240 รายการ เพิ่มขึ้นเป็น 700 รายการ พร้อมทั้งจัดพื้นที่เป็นโซนพิเศษโดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกค้าที่มาช้อปที่ท็อปส์ เดลี่ ได้รื่นรมย์กับสินค้าคุณภาพหลากหลายรายการและได้ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มชั้นเลิศ จึงมั่นใจได้ว่าไฮบริดโมเดลนี้จะดึงความสนใจจากทั้งนักท่องเที่ยวและลูกค้าในพื้นที่ได้ สะท้อนจากความสำเร็จของสาขา ท็อปส์ เดลี่ ลากูน่า วิลเลจ ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายต่อวันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเห็นได้จากยอดขายเฉลี่ยต่อวันของท็อปส์ เดลี่ ลากูน่า วิลเลจ สูงกว่ายอดขายที่คาดการณ์ไว้ถึง 37% โดยมีฐานลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสูงถึง 60%


TOPS DAILY x TOPS WINE CELLAR ร้านสะดวกซื้อไฮบริดโมเดลใหม่ โดดเด่นด้วย 3 ไฮไลต์ท คือ

1. สินค้าครบครันในที่เดียว ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคและเครื่องดื่มคุณภาพสูง ตั้งแต่อาหารสด ของใช้ในครัวเรือน ไปจนถึงไวน์และเครื่องดื่มนำเข้าจากทั่วโลก

2. สินค้าไวน์นำเข้าชั้นเลิศที่คัดสรรอย่างดี โดยนำเสนอไวน์พรีเมียมมากกว่า 300 รายการจาก 13 ประเทศ รวมทั้งไวน์พิเศษถึง 200 รายการ ที่คัดสรรโดยตรงจากโรงบ่มไวน์และจัดจำหน่ายเฉพาะโดย TOPS เท่านั้น

3. พื้นที่ที่ให้ลูกค้าได้นั่งละผ่อนคลายพร้อมเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มหลากหลาย


“ปัจจุบันโมเดลไฮบริด TOPS DAILY x TOPS WINE CELLAR ได้ทดลองเปิดให้บริการเฟสแรกแล้วรวม 13 สาขา ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยว อันได้แก่ ภูเก็ต เกาะสมุย เกาะพะงัน และพัทยา นอกจากนี้ท็อปส์ เดลี่ สาขาในยาง จ.ภูเก็ต ยังได้ผนึกร้าน The Baker Café เข้าด้วยกัน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและสร้างภาพลักษณ์ที่แตกต่าง คำนึงถึงไลฟ์ไสตล์และความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ มีเป้าหมายที่จะขยายโมเดลดังกล่าวเพิ่ม 20 – 25 สาขา ภายในปี 2568” นางสาวเมทินี กล่าว
ล่าสุดโมเดลดังกล่าวได้รับรางวัล 2025 NACS Convenience Retailer of the Year Award for Asia-Pacific จากงาน NACS Convenience Summit Asia จัดขึ้นที่ เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเวทีประชุมผู้นำค้าปลีกระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมารวมตัวกันเพื่อประชุม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น แบ่งปันความรู้ในเชิงกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมค้าปลีก รางวัลดังกล่าวตัดสินโดยผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมร้านสะดวกซื้อ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสูงสุดด้านความเป็นเลิศด้านการขายปลีกสินค้าสะดวกซื้อระดับโลก


















กำลังโหลดความคิดเห็น