ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น ครึ่งปีหลัง 2567 รับผลดีจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และกำลังซื้อของผู้บริโภค หนุนภาพรวมการดำเนินธุรกิจเติบโต เล็งเปิด Marimekko ที่ 2 ในประเทศสิงคโปร์ และ Bread Street Kitchen & Bar สาขา ICON SIAM บนพื้นที่กว่า 600 ตารางเมตร รับดีมานด์นักท่องเที่ยวช่วงปลายปี เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างฐานรายได้สำหรับอนาคตพร้อมรักษาสมดุลสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายให้อยู่ในระดับการสร้างกำไรที่เติบโต มั่นใจผลการดำเนินงานเติบโตทะลุ 20% ตามเป้า
นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TAN ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ลักชัวรีระดับโลก เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น โดยเฉพาะในไตรมาส 4/2567 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ ประกอบกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และกำลังซื้อของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมการดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงไตรมาส 2/2567 กลุ่มบริษัทจะมีอัตรากำไรสุทธิที่ชะลอตัวลง โดยหลักมาจากการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องจากการลงทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ เพื่อสร้าง New S-Curve รอบใหม่ให้กลุ่มบริษัท มุ่งสู่การเป็นกลุ่มบริษัทไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับภูมิภาค ตอกย้ำพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง และศักยภาพการเติบโตในอนาคต โดยมีความมั่นใจว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ที่ 20% ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ โดยสะท้อนจากผลการดำเนินงานในงวดครึ่งแรกของปี 2567 ที่มีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ราว 7% ซึ่งมากกว่าอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ติดลบ 1% จากการเข้าสู่สภาวะกำลังซื้อถดถอย นอกจากนี้ การขยายการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาจะส่งผลให้อัตราเร่งของรายได้เติบโตดีขึ้น เมื่อเทียบกับต้นทุนค่าใช้จ่ายในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายสาขาของแบรนด์ในพอร์ตฟอลิโอทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทมุ่งมั่นทำการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ HARNN ในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้ทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในประเทศจีน เช่น Douyin และ RED เพื่อช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งมียอดวิวของแบรนด์ไปแล้วกว่า 44 ล้านครั้ง คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายจากการขายได้ในช่วงไตรมาส 3/2567 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทได้เพิ่มแบรนด์ใหม่ในกลุ่มแฟชั่นอย่าง GANNI และ UNITED ARROWS ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตัวในประเทศไทย รวมทั้งการขยายไปยังธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีอัตราการทำกำไรที่ดี ปัจจุบันเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาส 3/2567 และคาดว่าจะช่วยเติมเต็มการเป็น ‘Truly Integrated Lifestyle Company’ ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
สำหรับในช่วงครึ่งหลังปี 2567 กลุ่มบริษัทมีแผนจะขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิด Marimekko แบรนด์ไลฟ์สไตล์จากประเทศฟินแลนด์ ที่มีชื่อเสียงในด้านลวดลายและสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ ในทำเลใจกลางเมืองประเทศสิงคโปร์ซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์สำคัญ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ Marimekko อย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่สินค้าแฟชั่น เครื่องแต่งกาย ของตกแต่งบ้าน ไปจนถึงเครื่องใช้ในครัวเรือน โดยถือเป็นสาขาที่ 2 ในประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดร้านอาหาร Bread Street Kitchen & Bar ศูนย์การค้าไอคอนสยาม บนพื้นที่กว่า 600 ตารางเมตร เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า ภายในไตรมาส 4/2567 นับเป็นแห่งที่ 2 ต่อจากร้านอาหารแห่งแรกที่ Bread Street Kitchen & Bar - The Emsphere ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า อย่างไรก็ตาม การขยายสาขาแห่งที่ 2 ในทำเลที่มีศักยภาพสูงจะช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TAN กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ยังมีแนวโน้มเติบโตจากปัจจัยบวกด้านการท่องเที่ยวและกำลังซื้อที่ฟื้นตัว แต่ยังมีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่และความผันผวนทางการเมือง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม กลุ่มสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ และสินค้าแบรนด์เนม คาดว่าจะยังคงเติบโตได้ดี กลุ่มบริษัทวางกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความท้าทายและคว้าโอกาสจากการฟื้นตัวของภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย การสื่อสารการตลาดอย่างมีประสิทธิผลเพื่อสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีให้แก่ลูกค้า และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
“แม้ว่าครึ่งปีแรกจะเผชิญความท้าทาย แต่ TAN ยังคงเดินหน้าลงทุนเพื่อสร้าง New S-Curve ให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน ประกอบกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และการเดินหน้าขยายตลาดในประเทศจีน จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้กลุ่มบริษัทเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้” นายธนพงษ์ กล่าว