ผู้จัดการรายวัน 360 - ซีอาร์ซีเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องปี 67 นี้ อัดงบไม่ต่ำกว่า 24,000 ล้านบาทลุยผุดสาขาทุกยูนิต ทั้งในไทย และเวียดนาม ชี้เล็งเทกโอเวอร์ซื้อกิจการต่อ พร้อมไม่ปิดกั้นลุยตลาดประเทศอื่นเพิ่มเติมหากมีโอกาส
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือซีอาร์ซี/CRC กล่าวว่า แผนการลงทุนปี 2567 ของซีอาร์ซี บริษัทฯ วางงบการลงทุนไว้ประมาณ 22,000-24,000 ล้านบาท เพื่อการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในทุกหน่วยธุรกิจของซีอาร์ซีทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศทั้งในอิตาลี และเวียดนาม
แผนการขยายธุรกิจหลักประกอบด้วย ในประเทศไทย คือ ห้างสรรพสินค้า ปีนี้จะเปิดใหม่ประมาณ 2 สาขา และมีรีโนเวตประมาณ 4 สาขา ทำให้สิ้นปีนี้จะมีรวมเป็น 88 สาขา, ไทวัสดุ จะขยายใหม่ปีนี้ 9 สาขา และรีโนเวต 4 สาขา สิ้นปีนี้จะมีรวมเป็น 90 สาขา, ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต จะเปิดใหม่ 10 สาขา และรีโนเวต 7 สาขา ทำให้สิ้นปีนี้จะมีรวมเป็น 178 สาขา, ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ไม่มีเปิดสาขาใหม่ แต่มีรีโนเวต 1 สาขา สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรวมเป็น 28 สาขา, โกโฮลเซลล์ มีแผนที่จะขยายใหม่อีก 7 สาขา ทำให้สิ้นปีนี้จะมีรวมเป็น 11 สาขา
ส่วนที่เวียดนาม มีแผนที่จะเปิดไฮเปอร์มาร์เกต โก GO อีก 3 สาขา ทำให้สิ้นปีนี้จะมีโกไฮเปอร์มาร์เกตรวม 42 สาขา และจะเปิด มินิโก อีก 9 สาขา ทำให้สิ้นปีนี้มีมินิโกรวม 18 สาขา
นอกจากนั้น ก็ยังมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจต่างประเทศอีกต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งซีอาร์ซีไม่ปิดกั้นโอกาส หากตลาดใดมีความน่าสนใจและมีโอกาสในการเติบโตและเป็นตลาดที่ใหญ่ ซึ่งขณะนี้ยังคงมุ่งเน้นในตลาดหลัก 3 ประเทศ คือ ไทย สัดส่วนรายได้ประมาณ 70% และ เวียดนามกับอิตาลี สัดส่วนรายได้รวมกัน 30% และหากมองสัดส่วนรายได้ในแง่ของประเภทธุรกิจแบ่งเป็น อาหาร 30% แฟชั่น 20%-30% ที่เหลือเป็นอื่นๆ เช่น พร็อพเพอร์ตี้ ค้าส่ง ฮาร์ดไลน์ เวลเนส
อย่างไรก็ตาม งบลงทุนดังกล่าวยังไม่นับรวมถึงกลยุทธ์การเทกโอเวอร์ การซื้อกิจการ หรือการร่วมลงทุนกับธุรกิจอื่น ซึ่งยังไม่สามารถจะระบุได้ชัดเจนว่ามีหรือไม่ แต่ก็เป็นกลยุทธ์ที่บริษัทเน้นอยู่แล้วขึ้นกับหลายปัจจัยทั้งจังหวะเวลา ความพร้อม การสรุปการเจรจาที่ลงตัว เป็นต้น โดยปี 2567 มีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้รวมเติบโต 9-11% สร้างผลกำไรเติบโต 15-17%
ขณะที่มองว่าอุตสาหกรรมค้าปลีกและบริการในภาพรวมยังคงมีมูลค่าประมาณ 4 ล้านล้านบาท มีการเติบโตประมาณ 2%-3% เท่านั้น
นายญนน์กล่าวด้วยว่า เซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าสู่ The Next Era ด้วยวิสัยทัศน์ CRC OMNI-Intelligence โดยการนำ AI เข้าไปในทุกกระบวนการของการทำธุรกิจ เช่น การสร้าง Next-Gen Omnichannel ที่ผนวกแพลตฟอร์ม Offline และ Online เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค อีกทั้งยังขยายอีโคซิสเต็มจาก B2C สู่ B2B อย่างเต็มรูปแบบ และมีการ Integrate AI ให้เข้ากับ HI (Human Intelligence) เพื่อให้พนักงานทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เหมือนมี Expertise at your fingertip รวมถึงการสร้าง Impact ที่มุ่งเน้นทั้งด้าน Profit และ Planet ให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
“เซ็นทรัล รีเทล สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญกับกระแส Disruption ทั้งจากเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค การเข้ามาของ Generative AI และ Climate Change แต่ด้วยอีโคซิสเต็มของเซ็นทรัล รีเทล ที่สมบูรณ์แบบ มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์ มีเสถียรภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง จากการบริหารต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย”
โดย CRC OMNI-Intelligence ประกอบไปด้วย 5 กลยุทธ์สำคัญ (5R) ดังต่อไปนี้
1. Revolutionise Core Strength คือ การยกระดับความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักใน Multi-Format, Multi-Category และ Multi-Market โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง รวมถึงการยกระดับเรื่อง Synergy และการทำ M&A เพื่อเพิ่ม Value ในระยะยาวให้กับธุรกิจ
2. Reinforce Financial Resilience คือ การทำให้สถานภาพทางการเงินมีความแข็งแกร่ง และมีการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น และมีความยืดหยุ่นทางด้านการเงิน บนหลักการบริหาร 3C (Cash, Cost, Capex)
3. Reinvent Beyond Retail คือ การต่อยอดธุรกิจนอกเหนือจากธุรกิจค้าปลีก เช่น การเข้าไปเป็นส่วนสำคัญใน Community ต่างๆ ในแต่ละ Category เพื่อสร้าง Network และ Value ในระยะยาวให้กับธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล รวมถึงการขยายอีโคซิสเต็มจาก B2C สู่ B2B อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเดินหน้า Scale up อย่างต่อเนื่อง
4. Reimagine Human Capital คือ การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ด้วยการรวม Intelligence ของ AI และ HI เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อขยายขีดความสามารถในการทำงาน การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า และการเพิ่มประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มออมนิแชนเนลแบบทวีคูณ
5. Rally Green Impact คือ การยกระดับการทำ Green Transition ด้วยการผนึกกำลังทั้งภาครัฐ เอกชน ลูกค้า และพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ มาร่วมมือกันแก้ปัญหา Climate Change เพื่อไม่ให้ไปสู่ Climate Crisis โดยการลดการใช้พลังงาน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโลกสีเขียว เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลัง