ผู้จัดการรายวัน 360 - “POPS” ยืนหนึ่งผู้นำการขับเคลื่อน Creator Economy ด้วยเครือข่ายครีเอเตอร์นับหมื่นราย เปิดเกมรุกขยายไลน์ธุรกิจสู่โซเชียลคอมเมิร์ชรายแรกในวงการ ชูจุดเด่นบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟครบวงจร 360 องศา ตั้งแต่การวางแผนเจาะกลุ่มลูกค้า บริหารร้านค้า กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้ปัง และบริหารจัดการขนส่งสินค้า พร้อม in-house studio อุปกรณ์ครบครันทันสมัย ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของลูกค้า ปักหมุดหมาย 2 ปี กวาดรายได้จากธุรกิจโซเชียลคอมเมิร์ช 200 ล้านบาท
นายบานิ แทน (Mr.Bani Tan) ผู้อำนวยการประจำภูมิภาค บริษัท พ็อพส์ (ประเทศไทย) จำกัด (POPS Thailand) ผู้ให้บริการ “POPS” เปิดเผยว่า จากเดิมที่ก่อนหน้านี้การใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เป็นการรับชมเพื่อความบันเทิง แต่ในปีที่ผ่าน มาการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านโซเชียลมีเดีย เป็นตัวแปรสำคัญต่อการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมค้าปลีก ประกอบกับวิกฤตโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้ Online Commerce ขยายตัวแบบก้าวกระโดดจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
ส่งผลให้โซเชียลคอมเมิร์ช (Social Commerce) หรือการซื้อขายสินค้าและบริการบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียโดยตรง เช่น Facebook, TikTok และ Instagram รวมถึงการไลฟ์สดขายสินค้าถือเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยม เนื่องจากเป็นช่องทางที่สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเพราะไม่ต้องมีหน้าร้าน และที่สำคัญคือสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายดาย และสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ได้ทันที เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง
ด้วยปัจจัยสนับสนุนดังกล่าว รวมถึง Creator Economy หรือระบบเศรษฐกิจที่มีครีเอเตอร์ เป็นผู้ขับเคลื่อน โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์มาทำเป็นคอนเทนต์ สร้างจุดเด่นและความน่าสนใจให้กับสินค้าและบริการในโลกออนไลน์ ส่งผลให้ Creator Economy พัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้น POPS ในฐานะผู้เชี่ยวชาญและคร่ำหวอดในวงการครีเอเตอร์ ด้วยเครือข่ายครีเอเตอร์หลายหมื่นราย จึงมองเห็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ โดย POPS ได้ลงทุนในระบบแพลตฟอร์มโซเชียลคอมเมิร์ซ และการนำเสนอบริการโซเชียลคอมเมิร์ซแบบ 360 องศา
สำหรับบริการโซเชียลคอมเมิร์ซของ POPS มาพร้อมบริการ 3 รูปแบบ ประกอบด้วย
• การบริหารจัดการการค้าขายสินค้าหรือบริการผ่านโซเชียลมีเดีย (360 Manage Social Commerce Shop) ในทุก ๆ แพลตฟอร์ม เริ่มต้นตั้งแต่การวางแผนเจาะกลุ่มลูกค้า การดูแลระบบหลังบ้าน จนถึงการบริหารจัดการขนส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าจนเสร็จ
• บริการส่งเสริมการขายสินค้าด้วย Community พ่อค้าแม่ค้าและครีเอเตอร์ ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการขายสินค้าผ่านออนไลน์ โดยมีแม่ค้าและครีเอเตอร์รวมกันมากกว่า 20,000 ราย ที่พร้อมสำหรับการให้บริการแบรนด์ต่างๆ ได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย
• การให้บริการ Live Studio และสินค้าพร้อมขาย ซึ่งเป็นบริการใหม่จาก POPS ที่เปิดพื้นที่ให้ครีเอเตอร์ทั้งที่มีประสบการณ์หรือต้องการหาประสบการณ์ในการไลฟ์สดขายสินค้า ได้สามารถเข้ามาใช้บริการไลฟ์ขายสินค้าแบบไม่ต้องสต๊อกสินค้าด้วยตัวเอง
นายบานิ กล่าวเพิ่มเติมว่า POPS ถือเป็นผู้ริเริ่มและบุกเบิกการแตกไลน์ธุรกิจจาก Creator Economy สู่โซเชียลคอมเมิร์ซ เป็นรายแรก พร้อมบริการครบวงจร 360 องศา ตั้งแต่การวางแผนเจาะกลุ่มลูกค้า บริหารร้านค้า วางกลยุทธ์ครีเอทีฟให้แบรนด์สินค้า รวมทั้งบริหารจัดการขนส่งสินค้าให้ถึงมือผู้ซื้อสินค้า พร้อม in-house studio อุปกรณ์ครบครันทันสมัย ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทุกประเภทสินค้า ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า, สินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน (FMCG), อาหารและเครื่องดื่ม, ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายที่ใช้ทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกาย (Personal care & skincare) เครื่องใช้ภายในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในระยะเวลา 2 ปี POPS จะมีรายได้จากโซเชียลคอมเมิร์ซประมาณ 200 ล้านบาท