กทพ.กางแผนลงทุนก่อสร้างทางด่วน 6 โครงการ มูลค่ากว่า 1.7 แสนล้านบาท ปี 67 ดันเริ่มตอกเข็มก่อสร้างด่วนจตุโชติ-ลำลูกกา และ Double Deck ปลายปีชง ครม.เคาะทางด่วน N2 และสายกะทู้-ป่าตอง เปิดประมูลในปี 68 พร้อมจัดคิวชง ครม.อนุมัติทางด่วน N1 และ PPP “กะทู้-ป่าตอง-เกาะแก้ว”
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า กทพ.มีแผนงานในปี 2567 และปี 2568 ที่จะผลักดันและขับเคลื่อนโครงการทางพิเศษ โดยจะมีการนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติโครงการ และเริ่มต้นการก่อสร้าง จำนวน 6 โครงการ ซึ่งในปี 2567 นี้จะผลักดันการลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการทางพิเศษฉลองรัช ส่วนต่อขยาย ช่วงจตุโชติ-ลำลูกกา ระยะทาง 16.2 กม. และโครงการก่อสร้างทางพิเศษชั้นที่ 2 (Double Deck) ช่วงงามวงศ์วาน-พระราม 9 ระยะทางประมาณ 17 กม. วงเงินลงทุนประมาณ 34,000 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดบนทางพิเศษในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพมหานคร (กทม.)
ปัจจุบันโครงการทางพิเศษฉลองรัช ส่วนต่อขยาย ช่วงจตุโชติ-ลำลูกกา ระยะทาง 16.2 กม. สรุปผลประมูลคัดเลือกผู้ดำเนินการก่อสร้างแล้ว บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD และตกลงราคาเรียบร้อยโดยปรับลดราคาลงมาประมาณ 40 ล้านบาทจากราคากลาง 18,739.55 ล้านบาท โดยมาอยู่ที่ประมาณ 18,699 ล้านบาท ขณะนี้รอประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในราชกิจจานุเบกษาก่อน จึงจะดำเนินการลงนามสัญญาจ้างได้
ส่วนโครงการก่อสร้างทางพิเศษชั้นที่ 2 หรือ Double Deck ขณะนี้ได้เจรจากับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้รับสัมปทานระบบทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 ในการลงทุน Double Deck และลดอัตราค่าทางด่วนเหลือ 50 บาท ตามนโยบายเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างรอการตรวจสอบร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมจากสำนักงานอัยการสูงสุด และเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมาได้มีการชี้แจงรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ต่อคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมฯ (คชก.) ดังนั้นเหลือขั้นตอน EIA และรอสำนักงานอัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม ตอบกลับ จึงจะเสนอกระทรวงคมนาคมและ ครม.ได้
“เรื่อง Double Deck เป็นการแก้ปัญหาการจราจรให้มีประสิทธิภาพสูงสุดโดย กทพ.หรือรัฐบาลไม่ต้องลงทุนเอง ให้เอกชนผู้รับสัมปทานเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด เป็นอีกโครงการที่ประชาชนจะได้ประโยชน์”
ส่วนในช่วงปลายปี 2567 จะเสนอ ครม.ขออนุมัติ 2 โครงการ คือ โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ในระยะที่ 1 (ถนนประเสริฐมนูกิจ-ถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก) หรือตอน N2 เดิม ระยะทาง 11.3 กม. มูลค่าลงทุน 16,960 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้เสนอเรื่องไปที่กระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอ ครม.แล้ว
และโครงการทางด่วน สายกะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต หรือโครงการอุโมงค์ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กม. วงเงินโครงการประมาณ 16,190 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ กทพ.เปิดประมูล ลงทุนแบบ PPP- Net Cost แต่ไม่มีเอกชนยื่นประมูล จึงปรับเปลี่ยนรูปแบบแยกงานก่อสร้างโยธามาลงทุนเอง โดยกระทรวงคมนาคมให้ กทพ.ทบทวน 5 หัวข้อ เช่น ความปลอดภัยในระหว่างก่อสร้างและในการให้บริการ ความคุ้มค่าในการลงทุน รวมถึงยืนยันแหล่งเงินกับกระทรวงการคลังในการกู้หรือออกพันธบัตร แผนงานและปริมาณจราจร รวมถึงรูปแบบอุโมงค์ยังเป็นไปตามแบบเดิม ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยและยืนยันเรื่องไปที่กระทรวงฯ แล้ว
@ ทางด่วน N1 และ PPP กะทู้-ป่าตอง-เกาะแก้ว จ่อคิวชง ครม.ปี 68
นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า ในปี 2568 กทพ.จะเริ่มต้นก่อสร้างทางด่วน N2 และทางด่วนกะทู้-ป่าตอง ขณะที่เตรียมเสนอ ครม.ขออนุมัติอีก 2 โครงการ คือ โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ส่วนทดแทน ตอน N1 (ทางพิเศษศรีรัช-ถนนงามวงศ์วาน-ถนนประเสริฐมนูกิจ) ระยะทางรวม 10.55 กม. มูลค่า 49,220 ล้านบาท และโครงการทางด่วนจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 2 ทางพิเศษ ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ระยะทาง 30 กม. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษา โดยจะแยกการลงทุนเป็น 2 แพกเกจ คือ ขออนุมัติ ครม.ก่อสร้างงานโยธา ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ และเสนอการร่วมลงทุนเอกชน หรือ PPP ในส่วนของการบริหารจัดการและบำรุงรักษา (O&M) ตลอดสาย คือ ตั้งแต่กะทู้-ป่าตอง-เมืองใหม่-เกาะแก้ว ระยะทาง 34 กม.
