กรมการขนส่งทางบกเชิญชวน!!! ประชาชนชำระภาษีรถออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ผ่าน 4 ช่องทางให้เลือก สะดวก ช่วยประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกมีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบาย “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” ประจำปี 2567 ของกระทรวงคมนาคม ที่มีเป้าหมายในการลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชนโดยการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาชำระภาษีรถยนต์ผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาติดต่อที่สำนักงาน
กรมการขนส่งทางบกเริ่มเปิดให้บริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบ Internet ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 และได้เพิ่มช่องทางอื่นๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทั้งการชำระภาษีรถประจำปีผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส (พ.ศ. 2554) การพัฒนาแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax (พ.ศ. 2563) และตู้ Kiosk (พ.ศ. 2563) เพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็วให้แก่ประชาชน และลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาติดต่อที่สำนักงาน และปัจจุบันได้มีการพัฒนาต่อยอดแอปพลิเคชันเป็น DLT Vehicle Tax Plus ซึ่งมีความสะดวกและง่ายต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลการจัดทำประกันภัยรถตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และเชื่อมโยงข้อมูลผลการตรวจสภาพรถกับสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ทำให้สามารถตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวผ่านระบบฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบกได้สะดวก รวดเร็ว
สำหรับช่องทางการชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบออนไลน์มีให้เลือกใช้บริการ ดังนี้ ช่องทางที่ 1 การชำระภาษีรถประจำปีผ่านทางเว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ โดยการชำระเงินมีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นหักผ่านบัญชีธนาคาร ผ่านคิวอาร์โค้ด (Qr Payment) ผ่านบัตรเครดิต หรือชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสได้
ช่องทางที่ 2 การชำระผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax Plus เจ้าของรถสามารถเลือกรับเครื่องหมายการเสียภาษีที่ตู้ Kiosk หรือให้จัดส่งทางไปรษณีย์ ซึ่งจะได้รับภายใน 5 วันทำการ นับจากวันชำระเงิน
ช่องทางที่ 3 ตู้ชำระภาษีอัตโนมัติ Kiosk การชำระภาษีผ่านตู้จะมีความสะดวก รวดเร็วมาก โดยสามารถชำระเงินผ่าน Qr Payment และรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีจากตู้ได้ในทันที ซึ่งปัจจุบันมีตู้ Kiosk จำนวน 10 ตู้ ตั้งให้บริการที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 กระทรวงคมนาคม และศูนย์บริการร่วมกระทรวงคมนาคม และช่องทางที่ 4 ชำระภาษีรถผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสทุกสาขา
ทั้งนี้ ผู้ที่จะชำระภาษีรถต้องจัดทำ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถตามที่กฎหมายบังคับ และกรณีรถยนต์ที่มีอายุ เกิน 7 ปี รถจักรยานยนต์เกิน 5 ปี จะต้องนำรถเข้ารับการตรวจสภาพจากสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ก่อนชำระภาษี ซึ่งการชำระภาษีผ่านระบบออนไลน์ จะต้องมีข้อมูลการจัดทำประภัยภัย และมีระยะเวลาคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ฯ ในระบบฐานข้อมูลของ คปภ. หรือกรณีที่เป็นรถยนต์ที่มีอายุเกิน 7 ปี หรือรถจักรยานยนต์เกิน 5 ปี ต้องมีข้อมูลผลการตรวจสภาพรถของ ตรอ.ในระบบด้วย
“กรมการขนส่งฯ ขอเชิญชวน!!! ให้ประชาชนหันมาชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งสามารถดำเนินการจากที่ไหนก็ได้ ตามความสะดวกทุกที่ และทุกเวลา โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง ทำให้การชำระภาษีรถมีความสะดวก รวดเร็ว ลดความแออัดและการรอคอยรับบริการที่สำนักงานขนส่ง อีกทั้งยังเป็นการช่วยประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วย ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามเกี่ยวกับการชำระภาษีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์สามารถโทร.สายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง”