“ภูมิธรรม” เผยคณะกรรมการพิจารณาการประมูลข้าว 10 ปียังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ คาดชัดเจนวันที่ 5 ก.ค.นี้ ไม่อยากเป็นคนผัดวันประกันพรุ่ง ย้ำอย่าให้มีปัญหาข้อกฎหมาย อย่าให้มีปัญหารายที่ถูกตั้งข้อสงสัย
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาการประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาล หรือข้าว 10 ปี ว่า คณะกรรมการรับซอง เปิดซอง และต่อรองราคา ยังไม่ได้รายงานผลการพิจารณาเข้ามา ทำให้ยังไม่สามารถประกาศผลการพิจารณาตามที่กำหนดไว้ในวันที่ 4 ก.ค.2567 ได้ ก็ต้องให้เวลาคณะกรรมการพิจารณาให้เรียบร้อย เพราะได้บอกไปแล้วว่าอยากให้จบเร็ว และให้ดูอย่าให้มีปัญหาข้อกฎหมาย อย่าให้มีปัญหารายที่ถูกตั้งข้อสงสัย เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
“คิดว่าตอนนี้เกือบจะถึงปลายทางแล้ว ไม่นานเกินรอ ผมไม่ติดใจว่ารายไหนจะได้ แต่ว่าต้องไม่ติดขัดในเรื่องข้อกฎหมายเท่านั้นเอง และคิดว่าวันที่ 5 ก.ค. 2567 น่าจะรู้ผลว่าจะเป็นอย่างไร ไม่อยากเป็นคนผัดวันประกันพรุ่ง ถ้าชัดเจนแล้วก็จะแถลง” นายภูมิธรรมกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาลครั้งนี้มีผู้สนใจยื่นซองคุณสมบัติจำนวน 8 ราย ในวันที่ 10 มิ.ย. 2567 และวันที่ 13 มิ.ย. 2567 อคส.ประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติ 7 ราย ตก 1 ราย จากนั้นเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาในวันที่ 17 มิ.ย. 2567 มีผู้ยื่นเสนอราคา 6 ราย โดยบริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ให้ราคาสูงสุด และกำหนดประกาศผลการประมูลวันที่ 21 มิ.ย. 2567 แต่นายภูมิธรรมสั่งการให้พิจารณาให้รอบคอบ เพราะมีการตั้งข้อสังเกต ข้อสงสัยในบริษัท วีเอท และต่อมา วันที่ 24 มิ.ย. 2567 นายภูมิธรรมได้ทำหนังสือถึงรักษาการ ผอ.อคส. ให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบให้ชัดเจน มีระยะเวลา 7 วัน และครบกำหนดวันที่ 2 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะทราบผลว่าขายข้าวล็อตนี้ได้หรือไม่ในวันที่ 4 ก.ค. 2567 แต่ก็ต้องเลื่อนอีกครั้ง
สำหรับแนวทางในการพิจารณา คณะกรรมการต้องตอบให้ได้ว่าที่มีการตั้งข้อสงสัยกับบริษัท วีเอท สามารถเคลียร์ข้อสงสัยได้หมดหรือไม่ ถ้าได้ก็สามารถพิจารณาขายข้าวล็อตนี้ให้กับบริษัท วีเอทได้ แต่ถ้าไม่ได้ จะทำอย่างไรต่อ จะเชิญรายที่ 2 หรือ 3 มาเจรจาต่อรองได้หรือไม่ เพราะในทีโออาร์ก็กำหนดไว้ชัดเจนว่าทำได้ เพราะนายภูมิธรรมอยากให้การประมูลครั้งนี้จบ เนื่องจากไม่อยากให้รัฐบาลเสียโอกาสจากการขายข้าว เพราะถือว่าได้ราคาดี ทำให้รัฐได้ประโยชน์มาก ซึ่งทั้งหมดน่าจะทราบผลในวันที่ 5 ก.ค. 2567 นี้
