กรมทรัพย์สินทางปัญญาประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) รายการใหม่ “ลิ้นจี่จักรพรรดิฝาง” ของดีประจำจังหวัดเชียงใหม่ เผยมีความโดดเด่น คุณภาพดี รสชาติอร่อยหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอม มั่นใจหลังขึ้นทะเบียน สินค้าจะเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น สร้างรายได้ให้เกษตรกรมากขึ้น
น.ส.กนิษฐา กังสวนิช รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมได้ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) รายการใหม่ “ลิ้นจี่จักรพรรดิฝาง” ซึ่งเป็นสินค้า GI ลำดับที่ 6 ของจังหวัดเชียงใหม่ ต่อจากผ้าตีนจกแม่แจ่ม ร่มบ่อสร้าง ศิลาดลเชียงใหม่ กาแฟเทพเสด็จ และส้มสายน้ำผึ้งฝาง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนไปก่อนหน้านี้ โดยมั่นใจว่าจะช่วยทำให้ผลไม้เป็นที่รู้จัก เป็นที่ต้องการของตลาด และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกได้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ทำรายได้ให้เกษตรกรแล้วกว่า 429 ล้านบาทต่อปี
สำหรับ “ลิ้นจี่จักรพรรดิฝาง” คือ ลิ้นจี่พันธุ์จักรพรรดิ ทรงผลคล้ายรูปหัวใจ มีขนาดใหญ่ เปลือกหนาสีแดงอมชมพู ผิวเปลือกหยาบคล้ายกำมะหยี่ เนื้อหนาสีขาวขุ่น ฉ่ำน้ำ รสชาติหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอม ปลูกครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย และอำเภอไชยปราการ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีประมาณ 25.4 องศาเซลเซียส มีอากาศหนาวเย็นในช่วงเดือน พ.ย.-ก.พ. และมีแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่สำคัญหลายสาย ได้แก่ แม่น้ำฝาง ลำห้วยแม่ใจ ลำน้ำแม่มาว ลำน้ำแม่เผอะ เขื่อนแม่มาว เขื่อนบ้านห้วยบอน ห้วยแม่งอน เป็นต้น รวมไปถึงยังมีน้ำพุร้อนที่มักพบอยู่ในพื้นที่บริเวณหินภูเขาไฟที่ดับแล้ว ส่งผลให้น้ำอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์
จากสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ ทำให้พื้นที่ทั้ง 3 อำเภอเป็นแหล่งที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกลิ้นจี่จักรพรรดิ ลิ้นจี่มีคุณภาพและมีปริมาณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่สูง มีผลขนาดใหญ่ เนื้อหนา ฉ่ำน้ำ มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอม ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของอำเภอฝางมาอย่างยาวนาน จนมีปรากฏในคำขวัญที่ว่า “เมืองฝาง เมืองลิ้นจี่ สตรีสวย รวยกระเทียม เยี่ยมมันฝรั่ง ดังหอมหัวใหญ่” โดยปัจจุบันเกษตรกรผลิตภายใต้มาตรฐานเกษตรปลอดภัย GAP ทำให้สินค้าปลอดภัย ปลอดศัตรูพืช และคุณภาพถูกใจผู้บริโภค
ปัจจุบันมีสินค้า GI ไทยที่ขึ้นทะเบียนแล้ว 205 รายการ สร้างมูลค่าการตลาดรวม 71,000 ล้านบาท โดยกรมจะเดินหน้าผลักดันการขึ้นทะเบียน GI ไทยอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนช่องทางการตลาด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และสร้างรายได้ให้เกษตรกรในชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป และขอเชิญชวนทุกท่านติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว และร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการสินค้า GI ได้ที่ Facebook Page : GI Thailand หรือโทรสายด่วน 1368