“ภูมิธรรม” เผยมีผู้ประกอบการ 6 รายยื่นประมูลซื้อข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล 10 ปี ปริมาณ 15,000 ตัน ไม่มาแค่ 1 ราย เผย “วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง” ให้ราคาสูงสุดกิโลกรัมละ 19.070 บาท ทั้ง 2 คลัง อคส.เตรียมต่อรองก่อนประกาศผล ยันข้าวล็อตนี้ก่อนส่งออกจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐาน หรือขายในประเทศก็ต้องผ่านการตรวจสอบเช่นเดียวกัน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการยื่นซองเสนอราคาประมูลข้าว ตามประกาศเรื่องการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลเป็นการทั่วไปครั้งที่ 1/2567 ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ว่า การยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวในคลังทั้ง 2 หลัง ได้แก่ 1. คลังกิตติชัย หลัง 2 (ข้าวหอมมะลิ 100%) 11,656 ตัน หรือ 112,711 กระสอบ 2. คลัง บจก.พูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 (ข้าวหอมมะลิ 100%) 3,356 ตัน หรือ 32,879 กระสอบ หรือรวมประมาณ 15,000 ตัน มีผู้เสนอซื้อ 6 ราย จากผู้ที่ผ่านคุณสมบัติ 7 ราย
โดยผู้เสนอราคาประมูลสูงสุดทั้ง 2 คลัง คือ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 64,010,216.32 บาท เฉลี่ย 19.070 บาท/กิโลกรัม (กก.) คลังสินค้ากิตติชัย 222,292,403.22 บาท เฉลี่ย 19.070 บาท/กก. คาดว่าจะมีรายได้เข้ารัฐบาลกว่า 286 ล้านบาท และหลังจากนี้ อคส.จะต่อรองเพิ่มราคาให้สูงขึ้นเพื่อประโยชน์ของประเทศสูงสุด โดยจะดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว และคณะกรรมการจะสรุปผลการประมูลเสนอผู้อำนวยการ อคส.เพื่ออนุมัติและแจ้งผู้ชนะการประมูลมาทำสัญญาซื้อขายกับ อคส. และชำระเงินเพื่อรับมอบข้าวสาร โดย อคส.ได้กำหนดระยะเวลาขนย้ายให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันหลังการเซ็นสัญญา
“ราคาที่ประมูลได้ แสดงว่าผู้ประกอบการเชื่อมั่นในการเก็บข้าวสาร ไม่ว่าจะเก็บมากี่ปี หากเก็บดี คุณภาพก็ยังดี และเชื่อมั่นในคุณภาพของข้าวสาร เพราะผ่านการตรวจสอบคุณภาพมาแล้ว ทำให้การเสนอราคาอยู่ในเกณฑ์ดี”
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ยังมีหลายท่านสงสัยว่าข้าวจะไปไหน จะกระทบต่ออุตสาหกรรมข้าวในภาพรวมหรือไม่ ขอชี้แจงว่า ไม่กระทบ เนื่องจากข้าวหอมมะลิฤดูกาลใหม่ยังไม่ออก โดยผลผลิตจะเริ่มออกในเดือน พ.ย. ซึ่งขณะนี้อยู่นอกฤดูกาล และปริมาณข้าวสารในการประมูลครั้งนี้ถือว่าไม่มาก เมื่อเทียบกับจำนวนข้าวที่ไทยส่งออกปีละกว่า 8 ล้านตัน
ส่วนข้าวที่ผู้ชนะการประมูลจะนำไปส่งออก จะต้องทำการปรับปรุงคุณภาพข้าวให้ได้ตามมาตรฐานข้าวหอมมะลิของกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งมีการกำหนดมาตรฐานเอาไว้ และการจำหน่ายในประเทศก็ต้องผ่านมาตรฐานของกรมการค้าภายในและยังมีหน่วยงานตรวจสอบอื่น อาทิ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่จะเข้ามาตรวจสอบด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดให้ยื่นประมูลซื้อข้าวครั้งนี้มี 6 รายมายื่นเสนอซื้อ คือ 1.บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด จังหวัดกำแพงเพชร 2. บริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด จังหวัดชัยนาท 3. บริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์.การเกษตร จำกัด จังหวัดนครสวรรค์ 4. บริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์ จำกัด จังหวัดสุพรรณบุรี 5. บริษัท สหธัญ จำกัด จังหวัดนครปฐม และ 6. บริษัท บี เอ็น เค การเกษตร 2024 จำกัด จังหวัดนครสวรรค์ และไม่มา 1 ราย คือ บริษัท อุบลไบโอเกษตร จำกัด
โดยผลการยื่นซองเสนอซื้อ ดังนี้
1. บริษัทวีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 64,010,216.32 บาท เฉลี่ย 19,070 บาท/ตัน คลังสินค้ากิตติชัย 222,292,403.22 บาท เฉลี่ย 19,070 บาท/ตัน
2. บริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 60,482,800 บาท เฉลี่ย 18,019.11 บาท/ตัน คลังสินค้ากิตติชัย 209,843,000 บาท เฉลี่ย 18,001.99 บาท/ตัน
3. บริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์.การเกษตร จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้งเพียงคลังเดียว 56,088,888 บาท เฉลี่ย 16,710.07 บาท/ตัน
4. บริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์ จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 40,980,000 บาท เฉลี่ย 12,208.81 บาท/ตัน คลังสินค้ากิตติชัย 182,046,000 บาท เฉลี่ย 15,617.35 บาท/ตัน
5. บริษัท สหธัญ จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้งเพียงคลังเดียว 62,734,711.23 บาท เฉลี่ย 18,690 บาท/ตัน
6. บริษัท บี เอ็น เค การเกษตร 2024 จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 53,705,477.77 บาท เฉลี่ย 16,000 บาท/ตัน คลังสินค้ากิตติชัย 186,506,473.60 บาท เฉลี่ย 16,000 บาท/ตัน
