“คมนาคม” ดัน Seaplane เปิดบริการในปี 67 กพท.คาด ธ.ค.นี้ออกใบอนุญาตเที่ยวบินสาธิต (Demo Flight) นำร่องท่าเรืออ่าวปอ ท่าเรือรัษฎา และเกาะพีพี เพิ่มรายได้ท่องเที่ยว และช่วยเหลือทางการแพทย์ ภัยพิบัติ ยกระดับการขนส่งทางอากาศ
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยในงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Workshop) “First Seaplane Operations Toward Thailand’s Aviation Hub ว่า รัฐบาลมีนโยบายที่ต้องการเพิ่มขีดความสามารถระบบขนส่งทางอากาศของประเทศให้มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบินที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงคมนาคม พร้อมผลักดันเพื่อเพิ่มศักยภาพของท่าอากาศยานและการขนส่งทางอากาศของประเทศ ซึ่งบรรจุในนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม ด้านที่ 1 “คมนาคม เปิดประตูการค้า การท่องเที่ยว สร้างการเป็น HUB เพื่อการเชื่อมโยงการเดินทางทุกมิติ” และพร้อมส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนได้บูรณาการความร่วมมือ เพื่อให้เกิดการปฏิบัติการบินอากาศยานทางทะเล หรือ Seaplane Operations อย่างเป็นรูปธรรมให้เกิดขึ้นในประเทศไทยภายในปี 2567 นี้ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลทั้งฝั่งทะเลอันดามัน และอ่าวไทย
การปฏิบัติการบินอากาศยานทางทะเล หรือ Seaplane Operations เป็นการบินรูปแบบใหม่ที่จะช่วยตอบโจทย์การส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเล ช่วยให้การเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกลต่างๆ ทางทะเลที่เข้าถึงได้ยาก รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย การค้นหาและช่วยชีวิตกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในพื้นที่ที่เป็นน้ำหรือทะเลเกิดความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
การจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CCAT และบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ได้ร่วมกันจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 8-10 พฤษภาคม 2567 เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนบูรณาการการทำงานร่วมกันและขับเคลื่อนให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศ (Air Operators) สามารถปฏิบัติการบินอากาศยานทางทะเล (Seaplane Operations) ในรูปแบบเที่ยวบินสาธิต (Demo Flight) ขึ้นในประเทศไทยได้ภายในปี 2567 บนพื้นที่เป้าหมายบริเวณท่าเรืออ่าวปอ ท่าเรือรัษฎา และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพีพี โดยไม่ขัดต่อกฎหมายและเป็นไปด้วยความปลอดภัย ดำเนินการด้วยความปลอดภัยสอดคล้องตามมาตรฐานและกฎระเบียบของประเทศไทย และเป็นไปตามข้อแนะนำขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เพื่อสานต่อนโยบาย “คมนาคมเปิดประตูการค้า การท่องเที่ยว สร้างการเป็น HUB เพื่อการเชื่อมโยงการเดินทางทุกมิติ” ต่อไป
นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT กล่าวว่า กพท.มีภารกิจหลักในการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยของการปฏิบัติการบิน และความปลอดภัยของสนามบินและที่ขึ้นลงชั่วคราวของอากาศยาน พร้อมให้การสนับสนุน ส่งเสริมการขับเคลื่อนโครงการ เกี่ยวกับสนามบินน้ำและที่ขึ้นลงชั่วคราวของอากาศยานบนน้ำ ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ Seaplane Operations เพื่อกำหนดมาตรฐานและกฎเกณฑ์เกี่ยวกับสนามบินน้ำและที่ขึ้นลงชั่วคราวให้มีความปลอดภัย และสอดคล้องกับมาตรฐานการบินสากลขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO
โดยพร้อมส่งเสริมและพัฒนา Seaplane Operations ในประเทศไท ให้มีความปลอดภัยเทียบเท่ามาตรฐานสากล และให้สามารถออกใบอนุญาตรองรับเที่ยวบินสาธิต (Demo Flight) ภายในเดือนธันวาคม 2567 ตามที่กระทรวงคมนาคม ตั้งเป้าหมายไว้
ด้านนายณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) กล่าวว่า บวท. เป็นหน่วยงานผู้ให้บริการการเดินอากาศ ได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการให้บริการควบคุมอากาศยานทางทะเล ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบของการขนส่งทางอากาศรูปแบบใหม่เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีประโยชน์ในด้านการช่วยเหลือสนับสนุนทางการแพทย์ สาธารณสุข ตลอดจนการบรรเทาภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว และเป็นการเตรียมพร้อมรองรับการให้บริการอากาศยานทางทะเลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
การสัมมนาเชิงปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการสร้างความเข้าใจ ความร่วมมือเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ ข้อกำหนด กฎหมาย กฎ ระเบียบ รวมถึงกระบวนการทำงานและประสานงานต่างๆ เพื่อให้ Seaplane Operations เป็นไปด้วยมาตรฐานและความปลอดภัย ซึ่งนับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของทุกหน่วยงาน ในการเปิดมิติใหม่ทางการบิน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยกระดับอุตสาหกรรมการบินของประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการบินของภูมิภาคต่อไป