OR ฟุ้งกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 พุ่ง 3,723 ล้านบาท โตกว่า 100% จากไตรมาสก่อนที่มีกำไร 193 ล้านบาท มาจากทุกกลุ่มธุรกิจปรับตัวดีขึ้น พร้อมเสริมแกร่งศักยภาพในการดำเนินธุรกิจไลฟ์สไตล์อย่างต่อเนื่อง เดินหน้ารุกธุรกิจสุขภาพและความงาม มุ่งสู่การเป็น Data-Driven Organization ควบคู่กับการสร้างอนาคตอย่างยั่งยืน
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 3,723 ล้านบาท โตขึ้น 25.1% จากไตรมาส 1/2566 ที่มีกำไรสุทธิ 2,975 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นกว่า 100% เทียบจากไตรมาส 4/2566 ที่มีกำไรสุทธิ 193 ล้านบาท
โดยในไตรมาส 1/2567 บริษัทมีรายได้ขายและบริการ 177,867 ล้านบาท ลดลง 14,675 ล้านบาท หรือลดลง 7.6% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยหลักมาจากปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงทั้งในธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน และธุรกิจตลาดพาณิชย์ของกลุ่มธุรกิจ Mobility โดยไตรมาสนี้รายได้ขายและบริการของกลุ่มธุรกิจ Mobility ลดลง 8.6% ตามปริมาณจำหน่าย ถึงแม้ว่าราคาขายเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้น กลุ่มธุรกิจ Lifestyte เพิ่มขึ้น 0.5% จากกลุ่มธุรกิจค้าปลีกอื่นและกลุ่มธุรกิจ Global ปรับเพิ่มขึ้น 10.9% ตามปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์ และกัมพูชา
ในไตรมาส 1/2567 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา ต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ (EBITDA) จำนวน 6,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,650 ล้านบาท หรือโตขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2566 เพิ่มขึ้นจากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มธุรกิจ Mobility จากภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Global ที่กำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรฟื้นตัวในประเทศฟิลิปปินส์ สำหรับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้นทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มธุรกิจค้าปลีกอื่น รวมทั้ง OR มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ ทำให้ในไตรมาส 1/2567 OR มีกำไรสุทธิจำนวน 3,723 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 3,530 ล้านบาท หรือมากกว่า 100%
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2567 OR ได้เสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจไลฟ์สไตล์อย่างต่อเนื่อง เดินหน้ารุกธุรกิจสุขภาพและความงาม (Health & Beauty) โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ทั้งจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และจะเปิดตัวร้านสาขาแรกในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นในการปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจสู่การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำผ่านทาง platform ต่างๆ ของ OR ซึ่งครอบคลุมทั้งในกลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2030 และ Net Zero ปี 2050 ไม่ว่าจะเป็นการบุกเบิกด้านพลังงานแห่งอนาคตเพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านของการใช้พลังงาน การพัฒนา Platform แห่งอนาคต เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานและการใช้ชีวิตที่หลากหลาย และการผลักดันให้ห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจสู่ความเป็น Green ตลอดทั้งระบบนิเวศของ OR
ในปีนี้บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ซึ่ง OR เป็นผู้ถือหุ้น 20% ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตและความสำเร็จของพันธมิตรทางธุรกิจของ OR โดยใช้ศักยภาพที่ OR มีร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพในการสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ OR “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน” “Empowering All toward Inclusive Growth”
ล่าสุด OR ได้นำระบบ SAP S/4HANA เข้ามาส่งเสริมศักยภาพการทำงานทั้งภายในองค์กรและพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน และได้เริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับ Digital Transformation Journey ของ OR ที่ช่วยขับเคลื่อนการทำธุรกิจขององค์กรด้วยข้อมูล (Data-Driven Organization) ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ในการนำนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของ SAP ที่รวมฟังก์ชันในการบริหารจัดการธุรกิจพลังงานและค้าปลีกไว้ด้วยกันเข้ามาใช้เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน รองรับการเติบโตทางธุรกิจในอนาคตอย่างยั่งยืน