การรถไฟฯ ปรับปรุงไฟฟ้าส่องสว่างถนนกำแพงเพชร 6 จากสถานีจตุจักร-ทุ่งสองห้องเสร็จ กลับมาเปิดใช้งานได้อีกครั้ง พร้อมประสานตำรวจจับคนผิด เผยตั้งแต่ปี 64 โดนลักลอบตัดสายไฟแล้ว 25 ครั้ง เตือนโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับ 2 หมื่น-1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้รับซื้อผิดรับของโจร คุก 6 เดือน-10 ปี
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า กรณีปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างของถนนกำแพงเพชร 6 ซึ่งไม่สามารถใช้งานได้หลายจุด จนอาจกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนผู้สัญจรไปมา นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จึงได้มอบนโยบายให้การรถไฟฯ เร่งดำเนินการแก้ไขและป้องกันปัญหาดังกล่าวโดยให้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง
ล่าสุด นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบแก้ไขโดยทันที ซึ่งพบสาเหตุเกิดจากการถูกลักลอบตัดสายไฟ และตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์หลายจุดบริเวณถนนกำแพงเพชร 6 จนทำให้ระบบไฟไม่ทำงาน
ทั้งนี้ การรถไฟฯ จึงได้ทำหนังสือแจ้งการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ให้เข้ามาเร่งรัดแก้ไขเป็นกรณีเร่งด่วนจำนวน 3 จุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ได้แก่ 1. สถานีจตุจักร-วัดเสมียนนารี 2. สถานีวัดเสมียนนารี-บางเขน 3. สถานีบางเขน-ทุ่งสองห้อง ซึ่งปัจจุบันได้ปรับปรุงเสร็จแล้ว และกลับมาเปิดใช้ระบบไฟส่องสว่างได้เป็นปกติอีกครั้ง ส่วนที่สถานีทุ่งสองห้อง-รังสิต อยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งการรถไฟฯ ได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวงเร่งปรับปรุงให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
“ปัญหาการลักลอบตัดสายไฟ และขโมยทรัพย์สินการรถไฟฯ ที่ถนนกำแพงเพชร 6 ไม่ได้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ในพื้นที่ดังกล่าวได้เคยเกิดเหตุมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งการรถไฟฯ ได้ให้ผู้รับจ้างดำเนินการแก้ไข ด้วยการเดินสายเมนไฟฟ้าใหม่จนสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ แต่ต่อมาก็ยังมีการลักลอบตัดสายไฟ และตู้ระบบไฟฟ้าแสงสว่างพร้อมอุปกรณ์อยู่บ่อยๆ จนเป็นเหตุให้เกิดปัญหาดังกล่าวซ้ำ”
@ประสานตำรวจเข้มงวดพื้นที่เสี่ยง ปี 64-67 ถูกลักตัดสายไฟฟ้ากว่า 25 ครั้ง
ที่ผ่านมาการรถไฟฯ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง สน.ประชาชื่น และ สน.ดอนเมือง ให้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีมาโดยตลอด เพราะตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบันพบการลักลอบตัดสายไฟบนถนนกำแพงเพชรแล้วมากกว่า 25 ครั้ง และที่ผ่านมาแม้การรถไฟฯ ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนตรวจดูแลตามจุดพื้นที่เสี่ยงต่อการลักขโมยอย่างต่อเนื่อง จนสามารถควบคุมตัวผู้กระทำผิดได้ถึง 5 ครั้ง และส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง ดำเนินคดีไปแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง แต่กระนั้นยังพบการลักลอบกระทำผิดมาอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น เพื่อเป็นการดูแลป้องกันปัญหาระยะยาว การรถไฟฯ ได้ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความเข้มงวดกวดขันในการลงตรวจดูแลพื้นที่เสี่ยง และขอให้ดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดอย่างเด็ดขาด เพราะปัญหานี้นอกจากทำให้ทรัพย์สินราชการได้รับความเสียหายแล้ว ยังก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน ขณะเดียวกันยังได้หารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมส่งมอบถนนกำแพงเพชร 6 พร้อมระบบสาธารณูปโภคให้กับกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแลบำรุงรักษา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงร่วมกัน
นอกจากนี้ การรถไฟฯ ขอฝากถึงพี่น้องประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแลทรัพย์สินของทางราชการ หากพบเห็นเหตุผิดปกติ โปรดแจ้งที่ Call Center การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับบทลงโทษรุนแรงผู้กระทำผิด กรณีลักขโมยสายไฟ รวมถึงครอบครอง ซื้อขายอุปกรณ์ส่วนควบ เครื่องยึดเหนี่ยวทางรถไฟ อุปกรณ์ต่างๆ ของการรถไฟฯ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายฐานลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ โทษจำคุก 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้รับซื้อทรัพย์สินของทางราชการต่างๆ ก็มีความผิด ฐานรับของโจร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ