รฟท.เร่งซ่อมถนนกำแพงเพชร 6 ก.พ.นี้เสร็จหมด 7 จุดไร้หลุมบ่อ แจงระบบไฟส่องสว่างชำรุดเหตุถูกขโมยตัดสายไฟ เตือนลักทรัพย์สินราชการโทษ คุก 1 ปี ถึง 5 ปี ปรับ 2 หมื่น ถึง 1 แสนบาท พร้อมประสาน กฟน.เร่งแก้ไขด่วน 3 จุดบรรเทาเดือดร้อนประชาชน
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ตามที่มีข้อร้องเรียนกรณีถนนกำแพงเพชร 6 หรือถนนเลียบทางรถไฟ ช่วงจตุจักร-รังสิตใต้ ซึ่งอยู่แนวรถไฟฟ้าสายสีแดงมีการชำรุด และพบปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างบางช่วงไม่ทำงานนั้น
ล่าสุดหลังจากรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขโดยทันที ซึ่งจากการตรวจสอบในส่วนถนนพบถนนชำรุดเป็นหลุมบ่อจำนวน 7 แห่ง
ประกอบด้วย จุดที่ 1 ช่วงสถานีรังสิต- คลองรังสิตประยูรศักดิ์ จุดที่ 2 ช่วงสถานีหลักหก จุดที่ 3 ช่วงดอนเมือง จากแยกนายใช้-บมจ.ท่าอากาศยาน จุดที่ 4 ช่วงก่อนเข้าสถานีดอนเมืองฝั่งขาเข้า กทม. P347 จุดที่ 5 ช่วงก่อนเข้าสถานีทุ่งสองห้องฝั่งมาจากหลักสี่ จุดที่ 6 ช่วงก่อนเข้าสถานีบางเขนฝั่งมาจากทุ่งสองห้อง และจุดที่ 7 ช่วงวัดเสมียนนารีจนถึงแยกถนนงามวงศ์วานฝั่งขาออกกรุงเทพฯ ซึ่งการรถไฟฯ โดยผู้รับผิดชอบก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต) ได้เร่งดำเนินการซ่อมแซม
ปัจจุบันดำเนินการเสร็จแล้วในจุดที่ 1 และ 2 ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างเตรียมเข้าพื้นที่ ซึ่งจะทยอยซ่อมแซมเสร็จครบทุกจุด ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2567
ส่วนกรณีปัญหาระบบไฟส่องสว่างถนนกำแพงเพชร 6 จากการตรวจสอบพบปัญหาเกิดจากการลักลอบตัดสายไฟหลายจุดจนทำให้ระบบไฟไม่ทำงาน ซึ่งก่อนหน้านี้การรถไฟฯ ได้เคยให้ผู้รับจ้างดำเนินการแก้ไขด้วยการเดินสายเมนไฟฟ้าใหม่จนสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ แต่ยังมีการลักลอบตัดสายไฟซ้ำ จึงทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดยได้ทำหนังสือแจ้งการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในการเร่งรัดแก้ไขเป็นกรณีเร่งด่วนจำนวน 3 จุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนผู้ใช้ถนน ซึ่งปัจจุบันดำเนินการเสร็จแล้ว 1 จุด คือ บริเวณบ้านกลางเมือง-แยกวัดเสมียนนารี ส่วนจุดที่ 2 จากวัดเสมียนนารี-ทุ่งสองห้อง จะเข้าดำเนินการภายในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 และจุดที่ 3 จากทุ่งสองห้อง-รังสิต อยู่ระหว่างการรอเอกสารและการแจ้งค่าใช้จ่ายจากการไฟฟ้านครหลวง ตามข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งการรถไฟฯ จะเร่งดำเนินการแก้ไขให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
นายเอกรัชกล่าวว่า เพื่อเป็นการดูแลป้องกันปัญหาระยะยาว การรถไฟฯ ได้ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการช่วยสอดส่องดูแลพื้นที่เสี่ยง และขอให้ดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากเป็นการทำให้ทรัพย์สินราชการได้รับความเสียหายแล้ว ยังก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนผู้ใช้ทางสัญจรไปมาด้วย นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังได้หารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อเตรียมส่งมอบถนนกำแพงเพชร 6 พร้อมระบบสาธารณูปโภคให้กรุงเทพมหานคร ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแลบำรุงรักษาต่อไปด้วย
“การรถไฟฯ ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ช่วยกันสอดส่องดูแลทรัพย์สินของทางราชการ หากพบเห็นเหตุผิดปกติ โปรดแจ้งที่ Call Center การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 หรือโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ ขอเตือนว่าพฤติกรรมลักขโมยสายไฟ รวมถึงครอบครอง ซื้อขายอุปกรณ์ส่วนควบ เครื่องยึดเหนี่ยวทางรถไฟ อุปกรณ์ต่างๆ ของการรถไฟฯ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมาย ฐานลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้รับซื้อทรัพย์สินของทางราชการต่างๆ ก็มีความผิด ฐานรับของโจร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับด้วย
ทั้งนี้ การรถไฟฯ พร้อมน้อมรับทุกคำติชม เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาการบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ สร้างความพึงพอใจต่อประชาชนผู้ใช้บริการสูงสุดต่อไป