xs
xsm
sm
md
lg

“ภูมิธรรม” คิกออฟเปิดเจรจา FTA ไทย-เกาหลี ตั้งเป้าจบปี 68

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ภูมิธรรม” เป็นสักขีพยานการลงนามจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (EPA) ไทย-สาธารณรัฐเกาหลี คิกออฟเปิดเจรจา FTA กับคู่ค้าเป็นประเทศแรกภายใต้รัฐบาลชุดนี้ และยังเป็นไปตามนโยบายที่ให้ใช้ FTA เป็นหัวหอกในการเปิดตลาดการค้า การลงทุนให้กับไทย คาดถกนัดแรกกลางปีนี้ ตั้งเป้าจบปี 68 หรือต้นปี 69 เผยสินค้าไทยได้ประโยชน์เพียบ ทั้งไก่ อาหารทะเล ผลไม้ แป้ง ซอส ผลิตภัณฑ์ไม้ ส่วนบริการ มีทั้งขนส่ง คลังสินค้า โรงแรม ภัตตาคาร

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นสักขีพยานการลงนามจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Economic Partnership Agreement : EPA) ไทย-สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่าง น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และนายคอนกี โร Deputy Minister for Trade Negotiation กระทรวงการค้าอุตสาหกรรมและพลังงาน ของสาธารณรัฐเกาหลี ว่า ถือเป็นการนับหนึ่งอย่างเป็นทางการในการเริ่มต้นการเจรจา FTA ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐเกาหลี โดยสองฝ่ายคาดว่าจะเริ่มการเจรจารอบแรกภายในกลางปี 2567 และตั้งเป้าเจรจาเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2568 หรือต้นปี 2569 และยังเป็นการคิกออฟการเจรจา FTA กับประเทศคู่ค้าเป็นประเทศแรกภายใต้รัฐบาลชุดนี้ และในยุคที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่ได้ให้ไว้ว่าจะเร่งเปิดตลาดการค้า การลงทุนให้กับไทย โดยใช้ FTA เป็นหัวหอก

สำหรับการจัดทำ EPA ซึ่งสาธารณรัฐเกาหลีจะใช้ชื่อนี้ในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศกับคู่เจรจา แต่จริงๆ ก็คือ FTA โดยจะเป็นการต่อยอดจาก FTA ที่ไทยและสาธารณรัฐเกาหลีเป็นภาคีร่วมกัน ได้แก่ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (AKFTA) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และมั่นใจว่าการจัดทำความตกลงดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย อีกทั้งยังช่วยดึงดูดการลงทุนจากสาธารณรัฐเกาหลีเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนและเทคโนโลยีสารสนเทศ และยังมุ่งหวังที่จะเสริมสร้างการพัฒนาความร่วมมือใหม่ๆ ที่ไทยและสาธารณรัฐเกาหลีมีความสนใจร่วมกัน เช่น การเสริมสร้างความแข็งแกร่งในห่วงโซ่อุปทานการผลิต และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล


ส่วนสินค้าที่ไทยจะได้รับประโยชน์จากความตกลง EPA ไทย-สาธารณรัฐเกาหลี ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และประมง เช่น เนื้อไก่แช่แข็งและแปรรูป อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป ผลไม้เมืองร้อน เช่น มะม่วง ฝรั่ง และมังคุด ผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ เช่น แป้ง ซอสและของปรุงรส ผลิตภัณฑ์ไม้ เช่น ไม้แปรรูป พาติเคิลบอร์ด ไม้อัดพลายวูด และเคมีภัณฑ์ ขณะที่สาขาบริการที่ไทยคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเปิดตลาดการค้าบริการของสาธารณรัฐเกาหลี เช่น บริการด้านธุรกิจ บริการการขนส่ง คลังสินค้า และบริการด้านโรงแรมและภัตตาคาร

นอกจากนี้ ตนยังได้รับแจ้งจากฝ่ายเกาหลีว่า ในวันเดียวกันนี้ กระทรวงการค้าอุตสาหกรรมและพลังงาน ของสาธารณรัฐเกาหลี ได้จัดงานประกาศยุทธศาสตร์นโยบายการค้าใหม่ของสาธารณรัฐเกาหลี โดยการจัดทำความตกลงการค้าเสรีกับประเทศคู่เจรจาสำคัญ รวมถึงประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายที่มีศักยภาพของสาธารณรัฐเกาหลี

“เกาหลีลงทุนในบ้านเราหลายหมื่นล้าน อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าซัมซุง รถยนต์ KIA และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เขาก็สนใจอยากเปิดตลาดร่วมกับเรา ซึ่งเรายินดีต้อนรับ เพราะจะได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกันให้เราสามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น และเกษตรกรไทยสนใจขยายตลาดไปเกาหลีเพิ่ม เช่น มังคุดและมะม่วง โดยเรายังมีแหล่งผลิตอาหารที่เป็นที่ต้องการ เช่น ไก่แช่แข็ง อาหารทะเลแช่แข็ง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะพยายามทำให้สินค้าของเราส่งออกสินค้าไปตลาดเกาหลีให้ได้มากที่สุดต่อไป” นายภูมิธรรมกล่าว

ในปี 2566 สาธารณรัฐเกาหลีเป็นคู่ค้าอันดับ 12 ของไทย มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 14,736.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปสาธารณรัฐเกาหลี 6,070.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย แผงวงจรไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม และไทยนำเข้าจากสาธารณรัฐเกาหลี 8,666.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ


กำลังโหลดความคิดเห็น