รฟท.เพิ่มจุดให้บริการรับ-ส่งพัสดุขนาดเล็ก น้ำหนักไม่เกิน 2 กก. ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ รับพัสดุได้ใน 1 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มี.ค. 67 เผยอนาคตเตรียมขยายบริการขนส่งสินค้าถึงหน้าบ้าน เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ตามที่การรถไฟฯ ได้สนับสนุนนโยบายรัฐบาล และกระทรวงคมนาคมในการช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนและภาคธุรกิจ โดยการปรับลดค่าบริการขนส่งพิเศษสำหรับพัสดุประเภทหีบห่อวัตถุที่มีน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัมเหลือเพียงชิ้นละ 30 บาททุกเส้นทาง เพื่อช่วยลดต้นทุนและรายจ่ายแก่ประชาชน ผู้ประกอบการ ร้านค้าขนาดเล็ก ร้านค้าออนไลน์ รวมถึงเอสเอ็มอี ให้มีต้นทุนการขนส่งที่ถูกลงกว่าปกตินั้น
จากการเปิดให้บริการที่ผ่านมา พบว่าผลตอบรับจากผู้ประกอบการและประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อความสะดวก รวดเร็วในการให้บริการ การรถไฟฯ จึงมีการเพิ่มจุดให้บริการรับ-ส่งพัสดุขนาดเล็กหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัมบริเวณประตู 13 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์อีกหนึ่งจุด ซึ่งอยู่ใกล้กับห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารรถไฟทางไกล (ฝั่งทางลงสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน) เพิ่มเติมจากจุดให้บริการที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ย่านรับ-ส่งสินค้าบางซื่อ และสถานีชุมทางบางซื่อ สำหรับระยะเวลาในการจัดส่งผู้ใช้บริการจะได้รับสินค้าภายใน 24 ชั่วโมง
ส่วนการรับพัสดุ เมื่อพัสดุมาถึงกรุงเทพฯ ผู้ใช้บริการสามารถมารับได้ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยไม่ต้องเดินทางไปที่จุดอื่น หลังจากขบวนรถไฟเข้าเทียบชานชาลาภายใน 1 ชั่วโมง เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ เริ่มให้บริการตั้งแต่บัดนี้ ถึง 31 มีนาคม 2567 สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สถานีรถไฟทุกแห่ง หรือศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับสินค้าใช้บริการขนส่งดังกล่าว จะต้องบรรจุในกล่องหรือซองที่ปิดมิดชิด แข็งแรง เป็นสินค้าที่ไม่เน่าเสียง่าย และมีน้ำหนักต่อชิ้นไม่เกิน 2 กิโลกรัม เช่น อะไหล่ เสื้อผ้า อาหารแห้ง โดยคิดอัตราค่าบริการแบบเหมาจ่ายชิ้นละ 30 บาท ตลอดระยะทางที่มีการขนส่งสินค้าของขบวนรถสินค้าและขบวนรถโดยสาร นอกจากนี้ ผู้ใช้บริการสามารถรวมส่งสินค้าในครั้งเดียวกันได้ถึง 10 ชิ้น ซึ่งจะคิดค่าบริการเป็นรายชิ้นโดยไม่คิดค่าบริการยกขึ้นลง ตลอดจนมีการรับประกันความเสียหายของสินค้าที่เกิดจากการขนส่งตามระเบียบของการรถไฟฯ ถือเป็นการส่งสินค้าที่ประหยัด และปลอดภัยอีกด้วย
นายเอกรัชกล่าวว่า การเปิดให้บริการรับส่งสินค้าและพัสดุทางรถไฟ นอกจากจะเป็นการช่วยลดค่าครองชีพในการขนส่งสินค้าให้แก่ประชาชน และผู้ประกอบการแล้ว ยังจะเป็นการช่วยเพิ่มรายได้ให้การรถไฟฯ อีกทางหนึ่งด้วย และในอนาคตเตรียมแผนการบริการขนส่งสินค้าในรูปแบบใหม่เพิ่มเติม จากการบริการขนส่งสถานีถึงสถานี เป็นการให้บริการขนส่งสถานีถึงหน้าบ้านผู้รับพัสดุได้ในคราวเดียวกันเลย เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของการรถไฟฯ ที่มุ่งส่งเสริมการปรับโหมดการขนส่งจากถนนสู่ระบบราง และเชื่อมโยงการขนส่งทางรางเข้ากับฐานการผลิตอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม เพราะการขนส่งทางรางถือเป็นระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม