กรมท่าอากาศยานเร่งรัดก่อสร้างพัฒนาท่าอากาศยานนราธิวาส เผยอาคารผู้โดยสารหลังใหม่งบกว่า 639.89 ล้านบาท คืบหน้า 16.511% ส่วนงานปรับปรุงระบบไฟฟ้างบ 129.8 ล้านบาท คืบ 53.783% ขยายรับผู้โดยสารเป็น 1.7 ล้านคนต่อปี รองรับเดินทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กับนานาชาติ
นายวิทวัส ภักดีสันติสกุล รองอธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ด้านโครงสร้างพื้นฐาน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18-19 มกราคม 2567 ตน พร้อมด้วยนางสาวสุรีรัตน์ ทิพย์โยธา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนราธิวาสและคณะกรรมการตรวจรับงาน ได้ประชุมและลงพื้นที่ตรวจรับงานเพื่อเร่งรัดติดตามความก้าวหน้างานก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ท่าอากาศยานนราธิวาส พร้อมติดตามความคืบหน้าตรวจรับงานจ้างการปรับปรุงระบบไฟฟ้าสนามบินทั้งระบบ ตลอดจนสิ่งก่อสร้างประกอบอื่นๆ พร้อมครุภัณฑ์อำนวยความสะดวกต่างๆ โดยมีกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาควบคุมงานฯ ประกอบด้วย บริษัท วี เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัททีมเวิร์ค คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท เอส ที เอส เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด กิจการร่วมค้า ซีไอเอส ผู้รับจ้างงานก่อสร้างฯ และเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานนราธิวาส เข้าร่วมประชุม ณ ท่าอากาศยานนราธิวาส
สำหรับการพัฒนาท่าอากาศยานนราธิวาส มีแผนงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ คือ
1. งานโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ พร้อมครุภัณฑ์อำนวยความสะดวกท่าอากาศยานนราธิวาส เริ่มดำเนินการในเดือน มีนาคม 2565 ใช้งบประมาณจำนวน 639,890,000 บาท ปัจจุบันมีความก้าวหน้างานสะสมทั้งโครงการ 16.511%
2. งานปรับปรุงระบบไฟฟ้าสนามบินทั้งระบบ ท่าอากาศยานนราธิวาส เริ่มดำเนินงานในเดือนเมษายน 2566 โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 129,800,000 บาท ปัจจุบันมีความก้าวหน้าของงาน 53.783% เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะสามารถทดแทนและเพิ่มประสิทธิภาพระบบไฟฟ้าสนามบินทั้งระบบ เพื่อรักษาระดับความน่าเชื่อถือและคงสภาพความพร้อมในการให้บริการระบบไฟฟ้าสนามบินของท่าอากาศยานนราธิวาส อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานและเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อการให้บริการ และเป็นไปตามมาตรฐานตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยกำหนด
รองอธิบดีกรมท่าอากาศยานกล่าวว่า ตนได้สั่งกำชับให้บริษัทผู้รับจ้างเร่งดำเนินการก่อสร้างพัฒนาท่าอากาศยานนราธิวาสให้เป็นไปตามแผนงาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานนราธิวาสในการรองรับผู้มาใช้บริการทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศได้ไม่น้อยกว่า 600 คนต่อชั่วโมง หรือประมาณ 1.7 ล้านคนต่อปี เนื่องจากท่าอากาศยานนราธิวาสเป็นประตูเชื่อมการเดินทางสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กับนานาชาติ และเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุน นำความเจริญมาสู่ภูมิภาค รวมถึงพัฒนาการให้บริการและจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอต่อผู้ใช้บริการทั้งในปัจจุบันและในอนาคตที่จะเพิ่มขึ้น พร้อมยกระดับสู่การเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ได้มาตรฐานในระดับสากลต่อไป