ส.อ.ท.เกาะติดวิกฤตทะเลแดงใกล้ชิดหวั่นหนุนราคาน้ำมันกลับมาพุ่งสูงอีกระลอก รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ เหตุเป็นเส้นทางสำคัญในการส่งออกระหว่างเอเชียกับยุโรปที่จะไปยังตะวันออกกลาง ผนึกกระทรวงพาณิชย์เร่งวางมาตรการดูแลเรื่องค่าระวางเรือ กรณีตู้สินค้าไม่เพียงพอ คาดจะคลี่คลายหลังตรุษจีน
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ได้ติดตามสถานการณ์วิกฤตในทะเลแดงซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระดับราคาพลังงานของไทยโดยเฉพาะน้ำมันให้เกิดปัญหาได้อีกรอบ รวมไปถึงจะส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ในตลาดโลกเนื่องจากเส้นทางทะเลแดงและคลองสุเอซเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญระหว่างเอเชียกับยุโรป ส่งผลต่อสินค้าออกทะเลที่จะไปยังประเทศตะวันออกกลาง และกระทบต่อการค้าโลกคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 12 ดังนั้นจำเป็นที่รัฐต้องมีมาตรการดูแลในระยะต่อไป
โดยแนวทางที่หารือกระทรวงพาณิชย์ทำหนังสือส่งออกไปยังสายเรือต่างๆ เกี่ยวกับความกังวลเรื่องค่าระวางเรือสินค้าและค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มต่างๆ ที่ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ โดยค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มต่างๆ ขอให้สายเรือคำนวณเป็นต้นทุนที่สามารถมองเห็นได้ ขณะเดียวกัน สำนักงานการค้าต่างประเทศต่างๆ จะติดตามรายงาน สถานการณ์ในทะเลแดงและพื้นที่ใกล้เคียงอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ประเมินสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง ส่วนสถานการณ์เรื่องตู้สินค้าที่ไม่เพียงพอมีทางจะคลี่คลายหลังช่วงตรุษจีน (10 กุมภาพันธ์ 2567)
“การโจมตีของกลุ่มฮูตีซึ่งมีฐานอยู่ในเยเมนต่อเรือพาณิชย์ที่ผ่านทะเลแดงที่กลับมาโจมตีอีกครั้งในต้นปีนี้และส่งผลกระทบต่อสายการเดินเรือหลายสายประกาศยกเลิกการเดินเรือในทะเลแดงทำให้การไหลเวียนของสินค้าเชิงพาณิชย์ผ่านทะเลแดงเกิดปัญหาและผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย แม้ว่าเรือพาณิชย์สามารถแล่นผ่านทะเลแดงได้ด้วยความช่วยเหลือจาก Operation Prosperity Guardian แต่ยังมีความเสี่ยงในการขนส่งสินค้าในเส้นทางนี้ และที่ผ่านมา ส.อ.ท.ได้หารือร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ในการแก้ไขปัญหาในระยะแรกไปก่อนแล้วและยังคงทำงานใกล้ชิดมากขึ้น” นายเกรียงไกรกล่าว