"มนพร" ชี้แจง คมนาคมให้ความสำคัญพัฒนาระบบรถเมล์ เดินหน้าแผนฟื้นฟู ขสมก.แก้หนี้-ขาดทุน และเตรียมจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้า (EV) แทนรถร้อนเก่า จำนวน 1,520 คัน ในปี 67 ยกระดับบริการประชาชน ชี้งบ PSO 636 ล้านบาทรัฐจัดสรรตามกรอบเวลาใช้จ่าย
วันที่ 5 ม.ค. 2567 ที่รัฐสภา นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงถึงการพัฒนาระบบรถโดยสารสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และต่างจังหวัด หลังจากที่ นายธัญธร ธนินวัฒนาธร ส.ส. พรรคก้าวไกล อภิปราย ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาทวาระแรก ว่า จัดงบแบบไหนคนไทยจ่ายค่าเดินทางแพงเหมือนเดิม โดยพบว่ามีการตัดงบประมาณอุดหนุน PSO หรือชดเชยผลการขาดทุนในการให้บริการเพื่อสาธารณะ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เหลือเพียง 636 ล้านบาทซึ่งต่ำสุดในรอบ 10 ปี
ขณะที่ ขสมก.ทำคำของบ PSO ปี 2567 วงเงิน 6,118 ล้านบาท เท่ากับถูกตัดถึง 5,482 ล้านบาท พร้อมทวงถามเรื่องแผนฟื้นฟู ขสมก. และการจัดซื้อรถโดยสารใช้พลังงานไฟฟ้า (รถเมล์ EV) ตั้งบอร์ด ขสมก.เสร็จกี่โมง นอกจากนี้ มีปัญหาการบังคับใช้กฎหมายในการดูแลรถเมล์ของเอกชน เพราะเอกชนมีการปิดระบบแอร์ในรถเมล์เพื่อให้เป็นรถร้อนเพื่อให้เป็นไปตามที่ได้รับใบอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงว่า กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบขนส่งโดยสารสาธารณะในทุกมิติ ซึ่งรัฐบาลได้สนับสนุนบริการ ขสมก.สำหรับผู้มีรายได้น้อยตามกลไกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงบริการของรัฐได้
ซึ่งกลไกหนึ่งคือ การอุดหนุนงบประมาณด้าน PSO ในส่วนต่างรายได้ค่าโดยสารที่ขสมก.จัดเก็บต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งประเด็นที่ได้รับงบ PSO จำนวน 636 ล้านบาทนั้น ข้อเท็จจริงในกรอบงบประมาณปี 2567 จะมีเวลาในการใช้จ่ายงบประมาณเพียง 5 เดือนหรือตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป โดยจะได้รับเงินอุดหนุนประมาณ 2,000 ล้านบาท จากที่เสนอขอไป 6,000 ล้านบาทเศษ และได้รับการอุดหนุน 40% ในงวดแรก 636 ล้านบาท ส่วนงวดที่ 2 จะได้รับบรรจุอุดหนุนไว้ในงบปี 2568 ต่อไป
ส่วนการจัดซื้อรถโดยสารไฟฟ้าของ ขสมก.นั้นเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะโดยอยู่ในแผนฟื้นฟู แม้ ขสมก.จากภาวะการขาดทุน โดยจะปรับเปลี่ยนรถเมล์ร้อนจำนวน 1,520 คัน ที่มีอายุการใช้งาน 30 ปี เป็นรถเมล์ปรับอากาศโดยจะเริ่มดำเนินงานในปี 2567 นี้
นอกจากนั้นจะนำเทคโนโลยี GPS และกล้องวงจรปิดเข้ามาบริหารจัดการทางด้านการเดินรถและความปลอดภัย รวมถึงการบริหารจัดการเส้นทางเดินรถที่ให้สอดคล้องกับปริมาณผู้โดยสารและจราจร
ส่วนแผนในการหารายได้เพิ่ม เช่นการนำพื้นที่อู่รถเมล์ของ ขสมก.ที่อยู่ในย่านเศรษฐกิจมาพัฒนาเชิงพาณิชย์โดยให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนใช้ประโยชน์
สำหรับการพัฒนาระบบขนส่งโดยสารสาธารณะในท้องถิ่นซึ่งกระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ปัจจุบันมีประเด็นเรื่องกฎหมายที่กระทรวงคมนาคมยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงโครงสร้างทางกฎหมายหลายฉบับ นอกจากนี้ยังให้หน่วยงานท้องถิ่นมีโอกาสรับใบอนุญาตขนส่งโดยสารสาธารณะได้ด้วย โดยมีคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางควบคุมในเรื่องของการอนุญาตเส้นทางเดินรถ อัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมและเป็นธรรม
ทั้งนี้ ยืนยันว่างบประมาณปี 2561 กระทรวงคมนาคมจะบริหารจัดการการใช้จ่ายงบประมาณด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจ