“บอร์ดอีอีซี” เห็นชอบ (ร่าง) ประกาศสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ...เพื่อเสนอ ครม.ต่อไป เล็งบังคับใช้ ม.ค. 67 เร่งดึงลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย พร้อมประกาศเดินหน้าศูนย์ธุรกิจอีอีซีและเมืองน่าอยู่อัจฉริยะเป็นเขตส่งเสริมฯ ส่วนแผนก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาฯ คาดเริ่มก่อสร้างต้นปี 2567
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 4/2566 วันที่ 26 ธันวาคม 2566 เปิดเผยว่า กพอ.ได้พิจารณาเห็นชอบ และรับทราบการดำเนินงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยได้เห็นชอบ (ร่าง) ประกาศ กพอ.เรื่องสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. ... เพื่อนำเสนอต่อ ครม.ต่อไป เพื่อประกาศใช้และมีผลบังคับตั้งแต่มกราคม 2567 ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ โดยใช้รูปแบบการเจรจาสิทธิประโยชน์กับนักลงทุน
โดยสาระสำคัญของร่างประกาศฯ ดังกล่าวประกอบด้วย 7 หมวด ได้แก่ หมวด 1 บททั่วไป กำหนดให้มีการให้บริการภาครัฐเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์แบบเบ็ดเสร็จ และการกำกับดูแลนักลงทุน หมวด 2 กำหนดคุณสมบัติของผู้ขออนุญาตประกอบกิจการ หมวด 3 กำหนดกระบวนการเจรจาและทำความตกลงเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ และกำหนดให้มีคณะกรรมการเจรจาสิทธิประโยชน์ หมวด 4 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข เกี่ยวกับสิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือห้องชุด หมวด 5 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข เกี่ยวกับสิทธิในการนำคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร และการยื่นขอรับ EEC Visa และ EEC work permit หมวด 6 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข เกี่ยวกับสิทธิในการได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีอากร หมวด 7 กำหนดกระบวนการเกี่ยวกับการได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ส่วนการพัฒนาศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ ที่ประชุม กพอ.ได้เห็นชอบการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษศูนย์ธุรกิจอีอีซี และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ โดยประกาศเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษประเภทเพื่อกิจการพิเศษ บนพื้นที่พัฒนาระยะที่ 1 ประมาณ 5,795 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 14,619 ไร่ ในตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี มูลค่าการลงทุนประมาณ 534,985 ล้านบาท เพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การแพทย์และสุขภาพครบวงจร การพัฒนาบุคลากรและการศึกษา ดิจิทัล การบินและโลจิสติกส์ การแปรรูปอาหาร
โดยศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะจะสามารถรองรับคนอยู่อาศัยได้กว่า 350,000 คน คาดว่าจะเกิดการสร้างงานทางตรงไม่น้อยกว่า 200,000 ตำแหน่ง สร้างแรงงานทักษะสูง มีรายได้สูงขึ้น เกิดมูลค่าการจ้างงานกว่า 1.2 ล้านล้านบาท มีกลุ่ม Startup ในธุรกิจและบริการล้ำสมัย ประมาณ 150-300 กิจการ สามารถกระตุ้นการขยายตัวของ GDP เพิ่มขึ้นประมาณ 2 ล้านล้านบาทภายใน 10 ปี และเป็นเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ 1 ใน 10 ของโลกภายในปี 2580
"สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ที่ประชุม กพอ.รับทราบการประกาศจัดซื้อจัดจ้างงานก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 โดยวิธีประกวดราคานานาชาติของกองทัพเรือ และได้เร่งรัดให้ สกพอ. รฟท. และเอกชนคู่สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และเอกชนคู่สัญญาโครงการสนามบินอู่ตะเภาสรุปแผนการทำงานร่วมกัน เพื่อให้เงื่อนไขบังคับก่อนการเริ่มต้นโครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ ทั้งหมดครบสมบูรณ์ตามที่กำหนดในสัญญา เพื่อให้โครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ เริ่มต้นการก่อสร้างได้ภายในต้นปี 2567 นอกจากนี้ กพอ. ได้เห็นชอบให้ สกพอ.ปฏิบัติตามรายงาน EHIA ของโครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 รวมถึงงานก่อสร้างอื่นๆ ภายในพื้นที่สนามบินอู่ตะเภาอย่างเคร่งครัด โดยให้
สกพอ.ขอรับจัดสรรงบประมาณปี 68 จากสำนักงบประมาณ เพื่อจัดหาบุคคลที่ 3 (Third Party) เป็นผู้ดำเนินการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้รับเหมาให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม ภายใต้รายงาน EHIA เช่น เสียง อากาศ การสั่นสะเทือน การจัดการของเสีย เป็นต้น" นายภูมิธรรมกล่าว