ผู้จัดการรายวัน 360 - วายดีเอ็ม เปิดเฟรมเวิร์กกลยุทธ์การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล หรือ Data-driven marketing ถอดรหัส “ข้อมูล” ทรัพย์สินสำคัญของแบรนด์ แนะแบรนด์แสวงหาโอกาสที่ซ่อนอยู่ในข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพการตลาดที่ได้ผลดีกว่า ประหยัดงบประมาณยิ่งขึ้น ผ่านการทำ Target segmentation ช่วยลดต้นทุนในการหาลูกค้าได้มากถึง 84% และเพิ่ม ROAS ขึ้นเป็น 5 เท่า มอง Ommi-Channel ผสานข้อมูลในทุกช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์สร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้นักการตลาด โชว์ 6 เฟรมเวิร์คการใช้ Data ติดปีกสร้างยอดขาย หนุนศักยภาพสร้างสรรค์งานการตลาด โดนใจ ตรงจุด ตอบโจทย์ธุรกิจ
นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด เผยว่า ปัจจุบัน “ข้อมูล” เป็นขุมทรัพย์ที่มีมูลค่าสำคัญของนักการตลาด ที่สามารถเพิ่มโอกาสต่อยอดธุรกิจ ติดปีกการสร้างยอดขาย โดยการใช้เครื่องมือ MarTech ช่วยวิเคราะห์และใช้กลยุทธ์ Data-driven marketing เพื่อทำ Target segmentation ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคในเชิงลึกและยังช่วยมองหา Segment ใหม่ ๆ ให้กับแบรนด์ได้อีกด้วยอีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการสื่อสารทางการตลาดในการสร้างสรรค์ข้อความโฆษณาที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นถึง 2 เท่า บนงบประมาณการตลาดเท่าเดิม ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการโฆษณาและการสื่อสารการตลาดที่ไม่จำเป็นซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายก้อนโตเพิ่มผลกำไรให้กับแบรนด์
นายณัฐพล จิตงามพงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายดาต้าและเทคโนโลยี บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวในงานสัมมนา “Decoding the Blueprint for a Data-driven Marketing Transformation” ที่จัดร่วมกันระหว่าง YDM Thailand และ STEPS Academy ว่าเฟรมเวิร์กกลยุทธ์การตลาดยุคใหม่คือ การขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยข้อมูล หรือ Data-Driven Marketing โดยวิเคราะห์ตาม Journey Based Segmentation ข้อมูลเรียลไทม์แสดงพฤติกรรมและความต้องการผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการ รวมถึงช่องการการเสพสื่อในแต่ละกลุ่มที่แตกต่างกัน ผ่านการทำ Target segmentation โดยพบว่าแบรนด์ที่เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าในเชิงลึกมีโอกาสในการลดต้นทุนในการหาลูกค้าได้มากถึง 84% ต่อยอดสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ ในขณะเดียวกันยังสามารถลดงบการตลาดให้ต่ำลง
นอกจากนี้ พบว่ากลยุทธ์ขับเคลื่อนด้วย Data โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์พฤติกรรม เข้าถึงความต้องการที่แท้จริงตั้งแต่ก่อนซื้อ สามารถเพิ่มโอกาสสร้าง ROAS (Return on Advertising Spend) ผลตอบแทนจากค่าโฆษณากลับมาได้ถึง 5 เท่า จากเดิมได้เพียง 2 เท่า
ทั้งนี้ จากประสบการณ์ของ YDM ที่ทำงานร่วมกับลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรมในการขับเคลื่อนแบรนด์ ผ่านการทำ “มาร์เกตติ้ง ทรานส์ฟอร์เมชัน” ด้วยเครื่องมือ MarTech ต่าง ๆ เพื่อนำข้อมูลพฤติกรรมลูกค้ามาสร้างสรรค์กิจกรรมการตลาดที่โดนใจลูกค้ามากขึ้น ด้วยงบประมาณที่น้อยลง และตอบโจทย์ธุรกิจต่าง ๆ โดยแนะนำ 6 เฟรมเวิร์คการนำข้อมูลมาใช้ในงานการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายได้อย่างรวดเร็ว ดังนี้
1. เข้าใจลูกค้ามากขึ้น ด้วยการนำข้อมูล Search ของผู้บริโภค และ Social Trends ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นข้อมูลที่ได้มาฟรี โดยนำข้อมูลเชิงพฤติกรรมผู้บริโภคเหล่านี้นำมาใช้วิเคราะห์เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจ รวมถึงการหา Content idea ใหม่ ๆ ต่อยอดการพัฒนาธุรกิจได้โดยไม่ต้องเสียงบประมาณ
2. ใช้ประโยชน์จากข้อมูลของผู้ที่มี Engagement กับแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย โดยการเปลี่ยนข้อมูลการกดไลค์หรือคอมเมนต์ ให้กลายเป็นข้อมูลแสดงความสนใจ โดยการ Comment คำว่า “สนใจ” ก็คือ Consumer Data ที่ทำให้แบรนด์สามารถทราบได้ทันทีว่าผู้ให้คอมเมนต์อยู่ใน Moment ที่พร้อมจะซื้อสินค้า เป็นต้น รวมถึงหัวข้อความสนใจอื่น ๆ เช่น Promotion ที่สนใจ Benefit ที่เค้าอยากได้ โดยแบรนด์สามารถใช้ Marketing Automation หรือ Chatbot ในการสื่อสารกลับไปยังลูกค้าได้ทันที
3. จากข้อมูลที่แบรนด์มีอยู่แล้วสามารถนำมาสร้าง Lead เพิ่มได้แบบประหยัดค่าใช้จ่าย ด้วยการใช้ข้อมูลเชิงพฤติกรรมที่เกิดขึ้นบน website นำมาต่อยอดด้วยการแบ่งกลุ่มลูกค้าให้ละเอียดขึ้น จากนั้นอาจจะทำการสร้าง Content ที่เข้าถึงปัญหาหรือ ความสนใจของผู้บริโภค ตามกลุ่มลูกค้านั้น ๆ บวกกับการทำ Marketing Automation เช่น การทำ Push Message ทาง Line, SMS เพื่อช่วยในการสร้างยอดขายให้มากขึ้น
4. ใช้ข้อมูลเชิงพฤติกรรมจากทุกช่องทางทั้ง Offline และ Online เพื่อนำมาใช้ทำ Customer Profile เช่นเก็บข้อมูลจาก POS, การ Search บนเว็บไซต์ การกดถูกใจหรือคอมเมนท์บน Facebook หรือ LINE เป็นต้น เก็บเป็นข้อมูลเชื่อมระหว่างกัน ของผู้บริโภคที่กำลังเผชิญปัญหาหรือเกิดความสนใจ จัดเป็นกลุ่มเซกเม้นท์ใหม่ ๆ กลายเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดขาย ลดต้นทุนให้กับแบรนด์ได้ทันที
5. การสร้างความพึงพอใจของลูกค้า และทำ CRM ด้วยข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า เพื่อให้แบรนด์สามารถเข้าใจและดูแลลูกค้าได้ดีขึ้น ตั้งแต่ก่อนซื้อ ระหว่างตัดสินใจซื้อ และหลังซื้อ ช่วยให้ลูกค้าของแบรนด์ ได้รับประสบการณ์ที่ดี จนกลายเป็นความพึงพอใจ และมีความสัมพันธ์กับแบรนด์ที่ดีขึ้น
6. สร้างโอกาสในการซื้อซ้ำของลูกค้าเดิมให้มากขึ้น รักษาฐานลูกค้าเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วการสื่อสารกับลูกค้าเก่า มีโอกาสในการเกิดยอดขายด้วยต้นทุนที่ถูกกว่าการแสวงหาลูกค้าใหม่
“อย่างไรก็ดี YDM มองกลยุทธ์การผสานข้อมูลแบบ Omni-Channel เชื่อมโยงข้อมูลในแต่ละแพลตฟอร์มทั้ง Offline และ Online เข้าด้วยกัน เพื่อเข้าใจบริบทในความเป็นตัวตน พฤติกรรม และความต้องการของผู้บริโภคแต่ละคนอย่างแท้จริง และนี่คือความท้าทายในการทำการตลาดปัจจุบัน คือการแสวงหาโอกาสทางการตลาด ในการเดินหน้าขยายฐานลูกค้า ติดปีกยอดขายให้เติบโตแบบก้าวกระโดด” นายณัฐพล กล่าว