xs
xsm
sm
md
lg

ส.อ.ท.แนะรัฐผ่าทางตันดัน ศก.ไปต่อ อัดมาตรการกระตุ้นเพิ่ม-ดูแลค่าพลังงาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ส.อ.ท.แนะรัฐอัดมาตรการกระตุ้น ศก.เพิ่มเติมระหว่างรองบประมาณหวังเป็นแรงส่งขับเคลื่อน ศก.ปี 2567 ที่ยังเผชิญความเปราะบางจากทั้งปัจจัยภายในที่หนี้ครัวเรือนสูง ค่าพลังงานต่างๆ ที่ยังคงมีทิศทางขาขึ้นจากหนี้สะสม แถม 20 กว่าอุตสาหกรรมเจอสินค้านำเข้าราคาต่ำแข่งหนัก จี้เร่งแก้ไข ขณะที่ปัจจัยภายนอก ศก.โลกยังมีปัจจัยเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์ขัดแย้งสูง

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2567 ยังคงต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะปัจจัยภายในที่ไทยยังคงมีปัญหาภาวะหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูงทำให้กำลังซื้อประชาชนอ่อนแอ ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐจากงบประมาณปี 2567 จะล่าช้าออกไปเป็น เม.ย.-ต้น พ.ค. เหล่านี้จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยยังคงมีความเปราะบาง ดังนั้นจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องหามาตรการกระตุ้นแรงซื้อประชาชนเพื่อประคองเศรษฐกิจระหว่างนี้เพิ่มเติม

“ผมคิดว่าการที่รัฐจะมีมาตรการ “e-Refund” ที่จะเริ่ม 1 ม.ค.-15 ก.พ.นั้นเป็นเรื่องที่ดีแต่แค่สั้นๆ ยังเห็นว่าจำเป็นต้องมีอื่นๆ เพิ่มเติมให้ต่อเนื่องอีก เพราะต้องยอมรับว่ากำลังซื้อของไทยอ่อนแอมากเพราะมีหนี้ครัวเรือนที่เป็นทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ ที่รัฐยังต้องใช้เวลาในการปรับโครงสร้างอยู่พอสมควร” นายเกรียงไกรกล่าว

ขณะที่หนี้ครัวเรือนสูงนั้นยังมีปัจจัยของค่าครองชีพต่างๆ ที่คนไทยยังมีแนวโน้มต้องรับเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากพลังงานทั้งค่าไฟฟ้า น้ำมันทั้งกลุ่มดีเซลและเบนซิน รวมถึงก๊าซหุงต้ม (LPG) ที่รัฐบาลได้ออกมาตรการดูแลที่จะทยอยสิ้นสุดมาตรการในสิ้นปี 2565 เช่น การตรึงราคาดีเซล LPG ท่ามกลางภาระหนี้ทั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูง เหล่านี้ทำให้ภาพรวมพลังงานของไทยปี 2567 ยังอยู่ช่วงขาขึ้น และหากตลาดโลกขยับแรงจะทำให้ยิ่งกดดันเพิ่มขึ้นจึงนับเป็นความเปราะบางที่รัฐบาลจำเป็นจะต้องมองในเรื่องแผนรับมือผ่านการปรับโครงสร้างต่างๆ ที่เน้นระยะสั้น กลาง และยาวเอาไว้ล่วงหน้าอย่างเร่งด่วน ซึ่ง ส.อ.ท.เห็นว่ารัฐควรจะต้องเร่งจัดตั้งคณะกรรมการร่วมรัฐและเอกชน (กรอ.) พลังงานเพื่อร่วมกันเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา เพราะพลังงานโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่สูงจะกระทบต่อขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยปี 67 จะฟื้นตัวมากน้อยเพียงใดอีกส่วนมาจากภาคท่องเที่ยวและการดึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมาตรีและรมว.คลังได้เดินทางไปโรดโชว์ประเทศต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าค่าไฟหากสูงเกินไปย่อมอาจกลายเป็นปัจจัยลบต่อการดึงดูดการลงทุนเช่นกัน ขณะที่ภาคการส่งออกนั้นจะสะท้อนตามเศรษฐกิจโลกที่ทุกฝ่ายคาดหวังว่าจะทยอยฟื้นตัวจากปีนี้

นายเกรียงไกรกล่าวว่า ปัญหาสินค้าราคาถูกที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานจากต่างประเทศทะลักเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีการนำเข้ามาทั้งที่ถูกกฎหมาย และไม่ถูกกฎหมายในลักษณะสำแดงเท็จ ไม่มีมาตรฐานเพราะไม่ต้องผ่านมาตรฐาน มอก. หรือมาตรฐานใดๆ ของไทย สุ่มเสี่ยงเรื่องความปลอดภัย ยังไม่ได้รับการแก้ไขจะซ้ำเติมให้เกิดการปิดกิจการมากขึ้นในปี 2567 ยิ่งจะส่งผลต่อความเปราะบางเศรษฐกิจไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ ส.อ.ท.ได้รับการร้องเรียนผลกระทบจากสมาชิกมากกว่า 20 อุตสาหกรรม ซึ่งมีทั้งขนาดใหญ่และวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เริ่มมีปัญหาหนักขึ้น

สำหรับปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตามปี 2567 ยังคงหนีไม่พ้นความเสี่ยงจากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ขณะนี้โลกเผชิญอยู่ 2 สมรภูมิ คือ การสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส หาก 2 สมรภูมินี้ไม่ได้บานปลายขยายวง และไม่มีสมรภูมิรบเพิ่มอีกก็จะทำให้เศรษฐกิจโลกไม่ได้รับผลกระทบมากนัก รวมถึงระดับราคาพลังงานก็จะไม่เพิ่มขึ้น แต่หากมีการขยายพื้นที่แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ไทยไม่อาจควบคุมได้ ดังนั้นจึงต้องเตรียมแผนรองรับทั้งระดับองค์กรและนโยบายจากรัฐบาล

นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกปี 2567 ภาพรวมน่าจะได้รับปัจจัยบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่จะคลี่คลายลง แต่ก็ยังคงต้องดูเศรษฐกิจรายใหญ่ๆ โดยเฉพาะจากจีนว่าจะมีมาตรการใดๆ ออกมากระตุ้นหลังจากปีนี้เศรษฐกิจจีนไม่ค่อยดีเท่าที่ควร นอกจากนี้ ประเทศเยอรมนีล่าสุดก็ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจเช่นกัน เหล่านี้ล้วนเป็นความเปราะบางที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกที่ต้องติดตามใกล้ชิดทั้งสิ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น