ผู้จัดการรายวัน 360- คนไทยสายตาแย่ลงเพราะติดมือถือ ดันตลาดแว่นตา 6,000 ล้านคึกคัก พรีเมี่ยมแบรนด์แห่ลงศึกตลาดล่าง ส่วนกำลังซื้อพรีเมี่ยมยังไปได้สวย เหตุสาวๆ ยึดติดโลโก้ ส่วนกลุ่มแมนๆ เน้นใช้งานเป็นหลัก ล่าสุด “อายลิ้งค์ วิชั่น” เบอร์หนึ่งเจ้าตลาดนำเข้าแว่นตาพรีเมี่ยม ปลื้มแบรนด์ ic! berlin ฉลอง 25 ปี จัดงาน ic! berlin World Day ในไทย เพราะไทยทำยอดขายสูงสุดของโลก ส่งรายได้รวมอายลิ้งค์ วิชั่นปีนี้โตอีก 10% พร้อมเปิดเกมส์เพิ่มพรีเมี่ยมแบรนด์อีก 5 แบรนด์ ตั้งเป้าปีหน้าโกยรายได้ 500 ล้านบาท
นายประพันธ์ ผดุงเกียรติสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อายลิ้งค์ วิชั่น จำกัด ผู้นำเข้าแว่นตาชั้นนำระดับโลกกว่า 20 แบรนด์ รวมถึงแบรนด์ ic! berlin (ไอซี เบอร์ลิน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดแว่นตามูลค่า 6,000 ล้านบาท ปกติจะโตปีละ 5% ซึ่งสัดส่วนกว่า 90% เป็นกลุ่มแว่นตาตลาดล่าง และอีก10% เป็นแว่นตาตลาดบนหรือพรีเมี่ยม ที่มีราคาตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป หรือจำหน่ายได้ไม่ต่ำกว่า 50,000-80,000 ชิ้นต่อปี
“ตลาดแว่นตาปัจจุบันพบว่า กลุ่มแบรนด์พรีเมี่ยม หันมาให้ความสำคัญกับตลาดล่างมากขึ้น เหตุเพราะพฤติกรรมคนไทยมีสายตาแย่ลงจากการเล่นมือถือ จึงมีการตัดแว่นสายตาสูงขึ้น หรือเฉลี่ยคนไทยเปลี่ยนแว่นตาทุกๆ 3 ปี (ถ้าเป็นแว่นกันแดดด้วยจะเปลี่ยนทุก 2 ปี) แต่จะตัดเลนส์ใหม่ทุกๆ 6 เดือน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่ไม่จำเป็นต้องเน้นแบรนด์ การทำตลาดล่างจึงง่าย ซื้อขายง่าย ส่วนแว่นตาพรีเมี่ยมพบว่า ถ้าเป็นกลุ่มผู้หญิงจะเน้นความเป็นแฟชั่น แบรนด์ และโชว์โลโก้ชัด ขณะกลุ่มผู้ชายจะเน้นเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งาน น้ำหนักเบา ทนทาน โมเดิร์น และคุ้มค่ามากกว่า”
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทนำเข้าแว่นตาพรีเมี่ยมรวมกว่า 20 แบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์ ic! berlin ที่ถือเป็นแบรนด์หลักทำรายได้ให้บริษัทถึง 40% อีกทั้งยอดขายในไทยของ ic! berlin ยังเป็นอันดับ 1 ของโลก รองลงมา คือ เยอรมัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของประเทศแม่ และ USA ตามลำดับ จากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้ปีนี้ ic! berlin จะจัดงาน “ic! berlin World Day 2023” ฉลองครบรอบ 25 ปี ของการก่อตั้ง ic! berlin ที่เยอรมนี และจะประชุมผู้แทนจำหน่าย ic! berlin ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ในวันที่ 21 พ.ย. 2566 ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้น1 ซึ่งในงานจะมีการจัดแสดงคอลเลคชั่นต่างๆ ของ ic! berlin ที่มีมาตลอด 25 ปี รวมถึงรุ่นพิเศษ ลิมิเต็ดอิดิชั่น ที่มีจำหน่ายเพียง 1,000 ชิ้นทั่วโลก โดยในไทยคาดว่าจะมีจำหน่ายถึง 100 ชิ้น รวมแล้วน่าจะทำยอดขายได้อีก 3-4 ล้านบาท
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนธุรกิจในปี 2567 นั้น เตรียมนำเข้าแว่นตาพรีเมี่ยมอีก 4-5 แบรนด์ เน้นจับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไป ทั้งกลุ่มผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กวัยรุ่นที่มีกำลังซื้อ ส่วนแบรนด์ ic! berlin ยังคงใช้กลยุทธ์แบรนด์แอมบาสเดอร์ มาร์เก็ตติ้งต่อเนื่อง ด้วยงบทำตลาดอีก 40 ล้านบาท เพราะประสบความสำเร็จในการทำตลาด สร้างยอดขาย และสร้างการรับรู้ของแบรนด์ในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งไทยถือเป็นประเทศเดียวในโลกของ ic! berlin ที่ใช้ โลคัล แบรนด์แอมบาสเดอร์ และประสบความสำเร็จเกินคาด
โดยปี 2567 มีแผนปลุกกำลังซื้อ พร้อมกำลังหาแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ จากปัจจุบันที่ใช้ หมาก-ปริญ สุภารัตน์ และแอลลี่-อชิรญา นิติพน เพื่อผลักดันให้ยอดรายได้สิ้นปี 2567 ของบริษัทอายลิ้งค์ วิชั่น มากกว่า 200 ล้านบาท มียอดขายแว่นตาไม่น้อยกว่า 20,000 อัน เพิ่มขึ้นจากปี2566 ที่คาดว่าจะปิดยอดรายได้ของ ic!berlin ที่ 200 ล้านบาท มียอดขายแว่นตา18,500 อัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดอันดับ 1 ที่มียอดจำหน่ายแว่นตาพรีเมี่ยมผู้ชาย-ผู้หญิงมากที่สุดในประเทศไทย และมั่นใจว่าในปีหน้าบริษัทจะมีรายได้รวมแตะ 500 ล้านบาท มาจาก ic! berlin 35% และแบรนด์อื่นๆ รวมกัน 65% ขณะที่ปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น10% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ปิดไป 350 ล้านบาท
ปัจจุบันอายลิ้งค์ วิชั่น นำเข้าและจำหน่ายแว่นตาชั้นนำระดับโลกกว่า 20 แบรนด์ ประกอบด้วย แบรนด์ ic! berlin (ไอซี!เบอร์ลิน), Dior (ดิออร์), Givenchy (จีวองชี่), Silhouette (ซิลลูเอท) ,Kenzo (เคนโซ่), 9999 (โฟร์ ไนน์), Porsche Design (พอร์ช ดีไซน์), NIKE (ไนกี้), Calvin Klein (คาลวิ่น ไคล), CKJ (ซีเคเจ) และ Lacoste (ลาคอสท์) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแว่นตาแฟชั่นสตรีทไฮเอนด์ระดับโลกด้วย อาทิ แบรนด์ Off White (ออฟไวท์), Palm Angels (ปาล์ม แองเจิล) ปัจจุบันมีดีลเลอร์หรือตัวแทนจำหน่ายกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 150 ราย และเป็นดีลเลอร์ระดับพรีเมี่ยม 20 ราย ทำให้สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดแว่นตาฟังก์ชั่นนอลในประเทศไทยเกิน 80% ของตลาดรวม
ทางด้าน มร.ยัง โคเนอร์ (Mr. Jan Kohne) ประธานบริหาร บริษัท ไอซี!เบอร์ลิน จำกัดประเทศเยอรมนี กล่าวว่า ที่ไอซี!เบอร์ลินเลือกประเทศไทยในการจัดงาน ic!berlin world day 2023 มี 2 เหตุผลด้วยกัน นั่นคือ บริษัทอายลิ้งค์ วิชั่น ประเทศไทย เป็นพาร์ทเนอร์ชิปอันดับต้นของเรา สามารถทำยอดขายได้สูงสุดเป็นอันดับ 1ของเอเชียแปซิฟิค มีการทำตลาดร่วมกันและประสบความสำเร็จอย่างมาก วัตถุประสงค์ต่อมาเพื่อเปิดตัวคอลเลคชันใหม่ Winter 2024 และ Limited Collection FLEXABON ครั้งแรกในโลกที่นี่ รวมถึงจัดการประชุม Distributor หรือผู้แทนจำหน่าย ic! Berlin เพราะต้องการให้ตัวแทนจำหน่ายจากทั่วโลกได้เห็นศักยภาพของประเทศไทยในการทำการตลาดควบคู่ไปกับแบรนด์
สำหรับปีนี้ ไอซี!เบอร์ลิน สามารถสร้างยอดขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ถึง 20% และปีนี้เราได้เพิ่มคอลเลคชันที่แตกต่างไปจากรุ่นเดิม ผลิตจากวัสดุพิเศษ ที่มีความบางเบา สำหรับเป้าหมายในปี 2567 เรายังคงต้องทำการตลาดที่ท้าทายต่อไป เนื่องจากมีตัวแปรสำคัญมากมายทั้งสภาพเศรษฐกิจ ภาวะสงครามในบางประเทศ คู่แข่ง แต่เรามั่นใจว่า ไอซี!บอร์ลิน มีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งทั่วโลก เราสามารถทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ได้ดีเยี่ยม เชื่อมั่นว่าปี 2567 จะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้.