ผู้จัดการรายวัน 360 - ”โคตี้“ ท็อป 5 บริษัทด้านความงามของโลก ปักหมุดเร่งโตในตลาด APEC ล่าสุดในส่วนของ โคตี้ ประเทศไทย เปิดตัวกุนซือคนใหม่ “นฤธี อาสาสรรพกิจ” พร้อมอัดงบ 600 ล้านบาท ทำการตลาดและขยายชอปครั้งใหญ่สุด เปิดเกมบุกกลุ่มสินค้า Prestige และ Consumer Beauty ระดับพรีเมียมแบรนด์มากขึ้น โดยชูแบรนด์ Burberry นำทีมโกยรายได้ ตั้งเป้า 3 ปีนับจากปี67 ต้องมีผลประกอบการเพิ่มเป็น 2 เท่า
นายนฤธีอาสาสรรพกิจ Country Head, Coty Thailand เปิดเผยว่า โคตี้ (Coty) เป็นหนึ่งในบริษัทด้านความงามรายใหญ่ที่สุดของโลกซึ่งดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 1904 หรือกว่า 119 ปีมาแล้ว จากจุดเริ่มต้นของการผลิตเครื่องหอม น้ำหอม สำหรับชนชั้นสูง ปัจจุบันมีแบรนด์ครอบคลุมผลิตภัณฑ์น้ำหอม เครื่องสำอาง สำหรับการแต่งหน้า และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกาย ระดับพรีเมี่ยม และอัลตร้าพรีเมี่ยม ส่งผลให้ปัจจุบัน “โคตี้” อยู่ใน Top 5 ของตลาดความงามทั่วโลก โดยคาดการณ์ตัวเลขรายได้ในปี 2023 นี้ว่า จะทำได้ 5,600 ล้านเหรียญสหรัฐ และกว่า 6% อยู่ในตลาด APEC โดยไทยอยู่ในตลาดนี้หรือมีสัดส่วนราว 1% ซึ่งโอกาสในตลาด APEC มีมากถึง 20% โคตี้จึงพร้อมรุกตลาดในไทยมากขึ้น
“ที่ผ่านมา โคตี้ เข้ามาทำตลาดในไทยอยู่แล้วผ่านคู่ค้า และตั้งแต่ในปี 2019 ได้เข้ามาทำตลาดเองในนาม COTY ล่าสุดในปีนี้พร้อมเปิดสำนักงานใหญ่ ที่ อาคารภิรัชทาวเวอร์ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ชั้น16 พร้อมกับเปิดตัวหน่วยงานและทีมทำงานใหม่หมด รวมถึงตนเองที่เข้ามาดำรงตำแหน่ง Country Lead โดยมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของโคตี้ให้เติบโตได้ในระยะยาว และเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ที่สำคัญเร่งขยายกลุ่มธุรกิจ Prestige และ Consumer Beauty อันนำมาซึ่งการเพิ่มรายได้ในประเทศไทยให้เป็นสองเท่าภายใน 3 ปีนับตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป”
ทั้งนี้ตามแผนงานของปี 2567 โคตี้พร้อมใช้งบลงทุนรวมกว่า 600 ล้านบาท สำหรับใช้ทำการตลาดสร้างการรับรู้ในวงกว้าง มุ่งจัดกิจกรรมสร้างประสบการณ์ในการทดลองใช้สินค้า มุ่งทำการตลาดในกลุ่มเมคอัพ คอสเมติก และสกินแคร์ ที่มีทั้งเพิ่มไลน์สินค้าให้มากขึ้น และเพิ่มแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามา โดยยังคงเน้นทำตลาดพรีเมี่ยมเป็นหลัก แต่จะเจาะในกลุ่มอายุที่เด็กลงมากขึ้น หรือวัยเริ่มต้นทำงาน อายุ 20- 30 ปีขึ้นไป นอกจากนี้จะมุ่งขยายสาขาชอป Burberry อีก 12-20 สาขา จากที่มีอยู่ 4 สาขา ในปัจจุบัน
“โคตี้มีความแข็งแกร่งในตลาดน้ำหอมพรีเมี่ยมอยู่แล้ว โดยแบรนด์น้ำหอมที่ทำรายได้สูงสุด คือ Burberry และ Gucci ดังนั้นกลยุทธ์การทำธุรกิจจากนี้จะเน้นกลุ่ม Consumer Beautyโดยเฉพาะเครื่องสำอาง และสกินแคร์มากขึ้น นำทีมโดยแบรนด์ Burberry เชื่อมั่นว่า ภายใน 3 ปีหรือนับตั้งแต่ปี 2567 โคตี้ ประเทศไทย จะมีรายได้เติบโต 2 เท่า ส่วนในปีนี้มั่นใจว่าจะเติบโตมากกว่า 30%“ นายนฤธี กล่าว
ปัจจุบัน โคตี้ ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจอยู่ 2 ส่วนหลัก คือ1. Prestige หรือกลุ่มน้ำหอมระดับพรีเมี่ยม เช่น แบรนด์ Burberry, Gucci, Calvin Klein, Chloe’ และ Hugo Boss เป็นต้น ซึ่งในกลุ่มน้ำหอมระดับพรีเมี่ยมนั้น โคตี้ ถือเป็นผู้นำในตลาดนี้ 2. Consumer Beauty กับสินค้ากลุ่มคอสเมติก สกินแคร์ และโรลออล เช่น แบรนด์ BOURIOIS, COVERGIRL, RIMMEL เป็นต้น หรือแบ่งกลุ่มสินค้าออกเป็น 4 ระดับ คือ MASS, PREMIUM, PREMIUM+ และ ULTRA PREMIUM
อย่างไรก็ตาม จากภาพรวมตลาดความงามไทย เติบโตปีละ 8-10% จากมูลค่า 200,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น สกินแคร์ 60-70% เมคอัพ/คอสเมติก 15% น้ำหอม 5% และที่เหลือเป็น ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ซึ่งในกลุ่มน้ำหอมนั้น พบว่า เซกเม้นท์พรีเมี่ยมโดยเฉพาะอัลตร้าพรีเมี่ยมมีอัตราเติบโตสูงถึง 12-13% เนื่องจากผู้บริโภคต้องการความยูนิคที่ไม่เหมือนใคร ต้องการน้ำหอมที่ไม่ซ้ำใคร และมีความเฉพาะตัวมากขึ้น.
