xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กซี" เร่งเกม จับตลาดจีนให้อยู่หมัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดนักท่องเที่ยวจีนยังคงเป็นตลาดใหญ่ที่สำคัญด้วยปริมาณและกำลังซื้อที่ผู้ประกอบการธุรกิจของไทยยังคงตั้งความหวังไว้อย่างมุ่งมั่นว่า สักวันหนึ่งจะต้องกลับมาแข็งแกร่งเหมือนในอดีตก่อนที่จะเกิดโควิด-19 ระบาด อย่างเร็ววัน
บิ๊กซี ก็เช่นกัน เป็นหนึ่งในหลายธุรกิจที่ให้ความสำคัญและหวังที่จะเจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนอย่างต่อเนื่องและเป็นจริงเป็นจัง
 
คนในวงการค้าปลีกใครๆต่างก็รู้ว่า บิ๊กซีโดยเฉพาะสาขาราชดำริ แทบจะกลายเป็นแลนด์มาร์กของนักท่องเที่ยวจีนไปแล้วก็ว่าได้ ว่าเป็นหนึ่งเป้าหมายในของสถานที่ที่้ต้องมาเดินและจับจ่ายซื้อสินค้าของฝากกลับเมืองจีน


*** เจาะตลาดจีนให้อยู่หมัด
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ ความเคลื่อนไหวของบิ๊กซี ในการเจาะเข้าหาแพลตฟอร์มใหม่ๆต่างๆที่จะสามารถเชื่อมต่อเข้าถึงตลาดคนจีนได้มากที่สุด

“ตอนนี้เรามีช่องทางและแพลตฟอร์มการขายต่างๆจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 13 ช่องทางแพลตฟอร์มแล้วในการที่จะเจาะเข้าหาตลาดลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดคนจีนที่เป็นตลาดใหญ่ ซึ่งล่าสุดปีนี้ที่เราได้ขยายไปใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีกก็เช่น แพลตฟอร์มทีมอลล์ของจีน แพลตฟอร์มTIKTOK ที่เปิดบริการแล้ว ช่องทางอะเมซอน เริ่มประมาณไตรมาสสามปีนี้เน้นสินค้าไพรเวทเลเบลของบิ๊กซีเอง และล่าสุดจะร่วมมือกับทางโรบินฮู้ดในการเจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะในเดือนหน้า” ดร.ปิยะวรรณ ปิยะพงษ์ รองประธานบริหารเจ้าหน้าที่ สายธุรกิจดิจิทัล บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าว

ปีที่แล้ว2565 เป็นปีที่บิ๊กซี เริ่มลงทุนด้วยงบประมาณมากถึง 1,000 ล้านบาท ในการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มการขายต่างๆ รวมทั้งการพัฒนาแพลตฟอร์มให้เป็นออมนิแชนแนลที่ไร้รอยต่อ เพื่อเชื่อมต่อการช้่อปปิ้งของลูกค้าที่มีพฤติกรรมการจับจ่ายทั้งสองช่องทางคือ อออไลน์กับออฟไลน์


ดร.ปิยะวรรณ กล่าวว่า บิ๊กซีจะขยายแพลตฟอร์มออมนิคอมเมิร์ซให้มากขึ้น การขยายช่องทางตลาดต่างประเทศด้วยการทำครอสบอร์เดอร์อีคอมเมิร์ซ ( Cross-border Ecommerce) และการทรานส์ฟอร์มแอปบิ๊กซีพลัสเดิมให้เป็น ซููเปอร์แอปของวงการค้าปลีก

โดยการขยายแพลตฟอร์มออมนิแชนแนล จะต้องทำการเชื่อมต่อสาขามากกว่า 1,600 สาขาที่มีอยู่ทุกรูปแบบให้ได้ทั้ง บิ๊กซี บิ๊กซีฟู้ดเพลซ มินิบิ๊กซี บิ๊กซีมาร์เก็ต บิ๊กซีฟู้ดเซอร์วิส ร้านเพียว และร้านโดนใจ

ด้วยแพลตฟอร์มต่างๆดังนี้ การไลฟ์สตรีมชอปปิ้ง การร่วมกับแพลตฟอร์มของพาร์ทเนอร์ การใช้เว๊บไซต์และแอป การใช้แชตแอนด์ช้อป การใช้คอลล์แอนด์ช้อป การใช้อีออเดอร์ริ่ง

ที่สำคัญต้องสอดคล้องกับการขนส่งสินค้าถึงมือผูับริโภคด้วยโดยเร็วที่สุด ด้วยบริการแบบขนส่งด่วน ภายใน 1 ชั่วโมงฟรี, แบบจัดส่งในวันถัดไป ภายใน 24 ชั่วโมงฟรี, หากเป็นพัสุดหรือสินค้าขนาดใหญ่ จะจัดส่งภายใน 72 ชั่วโมง ไม่ฟรี และ แบบคลิกแอนด์คอลเล็ค ก็รับสินค้าได้ภายใน1ชั่วโมงเท่านั้น

จากสถิติที่บิ๊กซีเก็บรวบรวมไว้พบว่า ลูกค้าที่ช้อปปิ้งที่บิ๊กซีแบบออมนิแชนแนลนั้นเติบโต30% คำสั่งซื้อแบบออมนิแชนแนล เติบโต 74% ปริมาณลูกค้าบิ๊กซีในระบบออนไลน์มีมากถึ 47 ล้านราย และมีการดาวน์โหลด วีแอปแล้วรวม 6 ล้านดาวน์โหบด


ดร.ปิยะวรรณ กล่าวว่า “แอปพลิเคชัน Big C Plus ถือเป็นช่องทางหลักในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า แบบ One Stop Channel ที่ลูกค้าสามารถตรวจสอบข้อมูลสมาชิก, สินค้าบริการ, สิทธิประโยชน์ต่างๆ ในลักษณะเฉพาะบุคคลได้อย่างสะดวก โดยตั้งแต่เปิดตัวแอปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลดแล้วมากกว่า 6 ล้านคน นับว่าแอปฯ Big C plus มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการประสบการณ์การช็อปปิ้ง Omnichannel ที่ไร้รอยต่อ และการที่แอปฯ Big C plus จะเป็นแพลตฟอร์มหลักของการสะสม-แลกแต้มของ Big Point ก็จะยิ่งทำให้ลูกค้าของเรามีประสบการณ์การช้อปปิ้งและได้รับสิทธิประโยชน์ที่ตรงกับความต้องการมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย”

สำหรับแพลตฟอร์ม ออมนิ คอมเมิร์ซ ของบิ๊กซี ที่จะขยายในตลาดในต่างประเทศ คือบีทูซีโดเมสติก มีทั้ง บิ๊กซีออนไลน์ บิ๊กซีพลัส ไลน์ ูบิ๊กซีคอลล์แอนด์ช้อป แชท นอกจากนี้ยังมีผ่านทาง ลาซาด้า ชอปปี้ ติ๊กต๊อก ฟูู้้ดแพนด้า แกร็บ ไลน์แมน โรบินฮูู้ด

ขณะที่ในแพลตฟอร์มแบบ บีทูซีครอสบอร์ดเดอร์นั้น ก็ยังมี อะเมซอน วีแชท
ส่วนบีทูบี โดเมสติก ก็มี บิ๊กซีฟูู้ดเซอร์วิส บิ๊กซีออนไลน์ ขณะที่บีทูซี อินเตอร์เนชั่นแนลในปี2567จะมีทั้ง บิ๊กซีออนไลน์ ในตลาดฮ่องกง และลาว

ในส่วนของ โกโกลบอล ด้วยครอสบอร์ดเดอร์ อีคอมเมิร์ซ ที่มุ่งเจาะจงการเจาะตลาดนักท่อวงเที่ยวจีนโดยเฉพาะนั้น ทางบิ๊กซี วางกลยุทธ์และรูปแบบที่เจาะนักท่องเที่ยวชาวจีนไว้ชนิดรอบตัว ตั้งแต่การที่ชาวจีนนั้นยังอยู่ํในประเทศจีนเลย ชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวไทยแล้ว และชาวจีนที่่มีถิ่นฐานพำนักพักอาศัยในไทยไม่ว่าจะเป็น บ้าน คอนโดมิเนียม ออฟฟิศ สามารถบริการได้หมด


เรียกได้ว่า บิ๊กซี ปูพรมและจับทางลูกค้าคนจีนให้อยู่หมัดในทุกที่เลยทีเดียว โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่า
นั่นคือ เมื่อชาวจีนที่ยังอยู่ในประเทศจีน ก็สามารถจับจ่ายสินค้าบิ๊กซีได้โดยผ่านทาง วีแชท เอาท์บาวนด์ อีช้อป ครอสบอร์ดเดอร์ ดีลิเวอรี่ หรือผ่านทาง ทีมอลล์โกลบอล อีช้อป โดเมสติกดีลิเวอรี่

แต่หากลูกค้าชาวจีนยัีงอยูู่ระหว่างเดินทางมาไทยก็ยังบ้อปปิ้ง้ได้อีก โดยผ่านทางวีแชท อินบาวนด์ อีช้อป คลิกแอนด์ คอลเล็ค

ต่อเนื่องจนถึงแม้ว่า ชาวจีนที่พำนักอาศัยในไทยที่กรุวเทพ ก็ยังช้อปปิ้งได้ผ่านแกร็บ ไลน์ อีช้อป ควิก ดีลิเวอรี่ ซึ่งมีการทำเป็นภาษาจีนโดยเฉพาะเลยด้วย และปีหน้าจะเพิ่มพื้นที่บริการไปยังเชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต ด้วย

“จุดประสงค์เราคือ เมื่อตอนนี้ลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีนยังกล้บมาเที่ยวไทยได้ไม่เต็มที่เหมือนในอดีต แต่เมื่อชาวจีนุเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง เราก็ต้องปรับตัวเจาะเข้าหาถึงตัวเขาให้ได้ เพื่อให้่เขาสามารถช้อปปิ้งเราได้เหมือนเดิม ซึ่งเราก็เริ่มทยอยทำมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว พัฒนาไปตลอด ช่วงที่โควิดยังไม่ซาลง เพราะตอนนั้นจีนยังมาไม่ได้ ส่วนตอนนี้ก็ยังมาได้ไม่เต็มที่ ซึ่งปีที่แล้วเราก็ปรับปรังยกเครื่องใหม่ประมาณ 5 ฟีเจอร์หลักที่ทำตลาดเจาะคนจีน” ดร.ปิยะวรรณ กล่าว
นอกเหนือจากนั้น บิ๊กซี เองก็ยังอยู่่ระหว่างเตรียมลงทุนสร้างคลังสินค้ากระจายสินค้าขนาดกลางในจีนด้วยเพื่อให้การบริการ การจัดส่งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สุดท้ายคือ การทรานส์ฟอร์มบิ๊กซีพลัส ให้เป็น ซูเปอร์แอปของวงการรีเทล ซึ่งในปีหน้าบิ๊กซีตั้งเป้าหมายที่จะมีผู้ํดาวน์โหลดให้ได้เป็น 9 ล้านราย


*** เร่งปรับสาขาใหญ่ต้อนรับต่างชาติ โฟกัสจีน รวม 60 สาขา
ขณะที่กลยุทธ์ด้านดิจิทัล เดินรุดหน้าไม่หยุดหย่อน

ในแง่ของสาขาแบบออฟไลน์ ก็ต้องมีความเคลื่อนไหวปรับกลยุทธ์ด้วยเช่นกัน เพื่อให้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวสอดรับกัน ในการจะเจาะตลาดต่างชาติ โดยมีตลาดจีนเป็นเป้าหมายหลัก

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี2566 นี้ บิ๊กซีมีแผนที่ต้องเร่งปรับเปลี่ยนสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ตเดิมในบางสาขาที่มีศักยภาพและเหมาะสมโดยเฉพาะหัวเมืองท่องเที่ยวเพื่อปรับเปลี่ยนให้มาเป็นสาขาที่เจาะตลาดและรองรับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นหลัก รวมมากกว่า 35 สาขา ซึ่งทยอยทำการปรับเปลี่ยนมาตั้งแต่ต้นปี คาดว่าสิ้นปีนี้จะเสร็จเรียบร้อยโรงเรียนจีนแน่นอน

การปรับเปลี่ยนที่ว่า มีตั้งแต่ การดีไซน์ตัวสโตร์ การจัดวางสินค้า การคัดเลือกสินค้าที่เข้ามาจำหน่ายที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ การสื่อสารเป็นภาษาต่างชาติเช่น ป้ายโฆษณา บิลบอร์ด ป้ายบอกทางต่างๆ ป้ายบอกราคาสินค้า การจัดแพ็คสินค้าที่จำหน่ายที่เหมาะกับการซื้อกลับประเทศ เป็นต้น

จากเดิมที่มีสาขาใหญ่เจาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่แล้ว 25 สาขา

โดยสาขาที่อยู่ในแผนการปรับปีนี้มีทั่วประเทศ แบ่งเป็น ภาคเหนือ 4 สาขา, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 สาขา, ภาคกลาง 4 สาขา, ภาคตะวันออก 5 สาขา, กรุงเทพฯ 14 สาขา, ภาคตะวันตก 3 สาขา และภาคใต้ 4 สาขา

นั่นหมายความว่า ถึงสิ้นปีนี้ บิ๊กซีจะมีสาขาขนาดใหญ่ไฮเปอร์มาร์เก็ตที่ตอบสนองเจาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากถึง60 สาขาเลยทีเดียว ขึ้นแท่นผู้นำตลาดในรูปแบบนี้ไปโดยปริยาย


แน่นอนว่า นักท่องเที่ยวจีน คือเป้าหมายหลักขนาดใหญ่ของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่บิ๊กซีพุ่งเข้าหา ซึ่งสาขาที่มีคนจีนเป็นลูกค้ามากที่เด่นๆก็เช่นสาขาราชดำริ สาขารัชดาภิเษก เป็นต้น โดยลูกค้าต่างชาติของบิ๊กซีนั้่่นมีหลากหลาย แต่ว่ามีนักท่องเที่ยวตลาดจีน มากเป็นอันดับที่1 ตามด้วยเวียดนามแต่ก็เป็นปริมาณที่ทิ้งห่างกันมาก และตะวันออกกลาง

การที่เอาจริงเอาจริงเอาจังกับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนมาเป็นอันดับแรก นั้นก็ไม่แปลก แม้ว่าขณะนี้ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติอื่นและจีนยังไม่กลับมาเต็ม 100% ก็ตาม แต่ก็เป็นการปูทางเตรียมรองรับเอาไว้ก่อน
อีกทั้งผลลัพธ์ที่ผ่านมาครึ่งปีแรกนี้ก็ทำให้ใจชื้นได้ เนื่องจากตัวเลขสถิติที่่บิ๊กซีรวบรวมไว้พบว่า โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติสร้างยอดขายให้กับสาขาของบิ๊กซีที่เจาะนักท่องเที่ยวเติบโตด้านยอดขายมากถึง37% และมีสัดส่วนยอดขาย 24% จากยอดขายรวม ซึ่งนับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว

“บิ๊กซี จะเร่งขยายการปูพรมสาขานักท่องเที่ยวทั่วไทยให้มากที่สุดในสาขาที่มีความเหมาะสม” นายอัศวิน กล่าว
ปัจจุบัน เครือข่ายค้าปลีกของบิ๊กซี ประกอบด้วย บิ๊กซีไฮเปอร์มาร์เก็ต บิ๊กซีมาร์เก็ต บิ๊กซีฟู้ดเพลซ รวม199 สาขา, มินิบิ๊กซี 1,435 สาขา, ตลาดคนเดิน 8 แห่ง, บิ๊กซีฟู้ดเซอร์วิส บิ๊กซีดีโป้ รวม 15 สาขา, ร้านคอฟฟี่วาวี ร้านเอเซียบุ๊ก ร้านเพียว ร้านสิริ รวม 273 สาขา และ ร้านโดนใจ รวม 1,170 สาขา


*** ทุ่มพันล้านบาทยกเครื่อง ซีอาร์เอ็ม
อีกประเด็นหนึ่งที่บิ๊กซีบุกหนัก และเดินหน้าเต็มที่ ก็คือ เรื่องของการทำซีอาร์เอ็มและการปรับกลยุทธ์ของบิ๊กพอยต์ใหม่

นางสาวบุษยา ยินดีสุข รองประธานเจ้าหน้าที่ สายธุรกิจบริหารคุณค่าลูกค้า บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในมุมธุรกิจค้าปลีกที่มีการแข่งขันอย่างเข้มข้น บิ๊กซี จึงไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บิ๊กซี ทุ่มงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทใน 5 ปี เริ่มปีนี้ ลงทุนนวัตกรรมใหม่ๆ ดูแลลูกค้า แบบ Personalized CRM และ Seamless Omni-Channel ต่อยอดพัฒนาระบบ Intelligent Platform ต่างๆ อาทิ ระบบการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM), ระบบวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Big Data), ระบบเชื่อมโยงทุกช่องทาง (Omni-Channel) รวมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าในเชิงลึก เพื่อทำให้ เข้าใจ รู้จัก รู้ใจ สามารถรู้ความต้องการที่อยู่ในใจของลูกค้าและตอบโจทย์ลูกค้าของบิ๊กซีทุกคนทุกกลุ่มได้อย่างลึกซึ้งโดยมีเป้าหมายเพื่อมัดใจและมอบความสุขให้กับลูกค้า ทั้งนี้ผลจากการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างทุ่มเทต่อเนื่อง

จากการสำรวจข้อมูลลูกค้า 3 ไตรมาสแรกใน ปี 2566 สมาชิก Big Point มียอดแลกสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นจาก 60% เป็น 75% รวมทั้ง ค่าความพึงพอใจของลูกค้าต่อการให้บริการที่บิ๊กซี (CSI ) สูงถึง 93% และ ค่าการแนะนำของลูกค้าให้เพื่อน ญาติพี่น้องใช้บริการที่บิ๊กซี (NPS) สูงถึง 79% ขณะเดียวกัน ลูกค้าสมาชิก (Member) มีการจับจ่ายมากกว่าลูกค้าที่ไม่ได้เป็นสมาชิก (Non-Member) ถึง 3 เท่า รวมถึงการรับรู้ต่อแบรนด์ (Brand Awareness) และประสบการณ์ที่ดีกับแบรนด์ (Brand Experience) มีพัฒนาการดีขึ้นในทิศทางเดียวกัน


ในส่วนของประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้า เราให้ความสำคัญกับการประเมินรับฟังเสียงของลูกค้า (VOC) โดยทำการสำรวจหลายช่องทาง โดยในปีที่ผ่านมาได้รับการตอบกลับจากลูกค้าประมาณ 1 ล้านราย รวมถึงใช้บริษัทชั้นนำภายนอกในการประเมินคุณภาพทุกด้านของบิ๊กซี ตั้งแต่คุณภาพและความหลากหลายของสินค้า การบริการของพนักงาน ประสบการณ์การช้อปปิ้ง เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้ได้ถูกนำมาวิเคราะห์และใช้ในการวางกลยุทธ์เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นกับบิ๊กซียิ่งๆขึ้นไป ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการมอบแต้มความสุขให้กับลูกค้าที่บิ๊กซี ผ่านแคมเปญ “สุขไปกันใหญ่ บิ๊กพอยต์ แต้มความสุข แลกง่ายได้ทุกวัน” ในครั้งนี้" ด้วย Big Point โฉมใหม่ 5 แต้มความสุข ดังนี้

1. แต้มความสุขบิ๊กพอยต์ "สะสมทันที" (เพียงซื้อสินค้าครบทุกๆ 25 บาท ได้ 1 พอยต์) และ "แลกได้มากกว่า" (1 พอยต์ = 1 บาท) แลกเป็นส่วนลดแทนเงินสด และเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าได้ทุกวัน ทั้งที่ร้านบิ๊กซี และแอป Big C Plus
2. แต้มความสุขเป็นส่วนลดร้านค้าแบรนด์ดังมากมาย ครบทุกไลฟ์สไตล์ หลากหลายสิทธิพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง อาหาร, ท่องเที่ยว, สุขภาพและความงาม ทั้งในบิ๊กซี และโซนพลาซ่า สะดวกสบายแลกได้ผ่าน แอป Big C Plus
3. แต้มความสุข ทุกวันพุธ จากแคมเปญ “Happy Wednesday” รับฟรีสินค้าจากคู่ค้า ทุกวันพุธ จาก แอป Big C Plus และคูปองลดส่วนจากสินค้าชั้นนำมากมายตลอด 365 วัน และคูปองส่วนลดพิเศษที่มากกว่าจากบิ๊กซี
4. แต้มความสุขพิเศษอีกขั้นกับพันธมิตร ด้วยพอยต์ของพันธมิตรจากแบรนด์ชั้นนำ เช่น เอไอเอส, เคแบงก์, อิออน, เจมาร์ท และ บางจาก ที่สามารถนำพอยต์พันธมิตรแลกเป็นส่วนลดแทนเงินสดที่บิ๊กซี (วันนี้ ถึง 31 ธ.ค. 2566)

ลูกค้า AIS ใช้ 40 AIS Point แลกรับส่วนลดเงินสด 40 บาท
• ลูกค้า KBank ใช้ 1,000 K Point แลกรับส่วนลดเงินสด 100 บาท
• ลูกค้าบัตร AEON ใช้ 1,000 AEON Happy Point แลกรับส่วนลดเงินสด 100 บาท
• ลูกค้า Bangchak ใช้ 500 Bangchak Point แลกรับส่วนลดเงินสด 100 บาท และ 250 Bangchak Point แลกรับส่วนลดเงินสด 50 บาท
• ลูกค้า Jay Mart ใช้ 1,000 J Pointsแลกรับส่วนลดเงินสด 100 บาท และ 500 J Point แลกรับส่วนลดเงินสด 50 บาท
5. แต้มความสุขสุดพิเศษ สมาชิกบิ๊กพอยต์ ที่มีแอป Big C Plus ช่วงเปิดตัว แคมเปญ "สุขไปกันใหญ่ บิ๊กพอยต์ แต้มความสุข แลกง่ายได้ทุกวัน" บิ๊กซี มอบแต้มความสุขสุดพิเศษให้สมาชิกร่วมฉลองแคมเปญนี้ ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2566 ถึง 31 มกราคม 67
โดยสมาชิกใหม่ สมัครสมาชิกบิ๊กพอยต์ ได้ รับฟรี 100 พอยต์ ส่วนสมาชิกปัจจุบัน ทุกวันที่ 15 ของเดือน ถึง 15 มกราคม 2567 รับคะแนน X5 สูงสุด 500 พอยต์ที่บิ๊กซีทุกสาขา
กำลังโหลดความคิดเห็น