xs
xsm
sm
md
lg

"สุรพงษ์"มั่นใจฟรีวีซ่าดันปี67 เดินทางพุ่ง 1.3 ล้านเที่ยวบิน สั่งบวท.ศึกษาข้อกม.บริการ"ซีเพลน"ดึงนักท่องเที่ยว"ไฮเอนด์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"สุรพงษ์"มอบนโยบายวิทยุการบินฯ เน้นขยายขีดความสามารถคาดปี 67 เที่ยวบินจะเพิ่ม 20-30% ไปอยู่ที่ 1.3 ล้านเที่ยวบิน ผลพวงฟรีวีซ่า ช่วยกระตุ้นเดินทาง สั่งศึกษาข้อกม.หนุนธุรกิจบริการเครื่องบินทะเล (ซีเพลน) ดึงนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก

วันที่ 2 พ.ย. 2566 นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานให้แก่ผู้บริหาร บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ว่า รัฐบาลมุ่งเน้นนโยบาย Quick Win “คมนาคม ของประชาชน” นำเทคโนโลยี นวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้กับการดำเนินภารกิจของหน่วยงานอย่างสร้างสรรค์ ให้เป็นองค์กรที่ทันสมัย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ซึ่งจากนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาล ทำให้การเดินทางมากขึ้น จึงให้บวท. เตรียมความพร้อมการจัดจราจรทางอากาศรองรับเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

บวท. รายงานปริมาณเที่ยวบินรวมปีงบประมาณ 2566 (1 ต.ค. 65-30 ก.ย. 66) จำนวน 7.2 แสนเที่ยวบิน โดยหากดูเฉพาะช่วง ตั้งแต่ เดือน ม.ค.-ธ.ค. 2566 จะมีรวม 1 ล้านเที่ยวบิน ซึ่งใกล้กับปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 ที่มีเที่ยวบินรวม 1-1.2 ล้านเที่ยวบิน และคาดว่าในปี 2567 เที่ยวบินจะเพิ่มประมาณ 20-30% หรืออยู่ที่ ประมาณ 1.3 ล้านเที่ยวบิน ซึ่งเป็นผลจากนโยบายรัฐบาลเรื่องการท่องเที่ยว และนโยบายฟรีวีซ่า ให้ประเทศอินเดีย และไต้หวันสามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยได้ 30 วัน เริ่มตั้งแต่ 10 พ.ย. 2566 จนถึง 10 พ.ค. 2567 ซึ่งเป็นการทดลองนาน 6 เดือน คาดว่าจะทำให้ชาวเดียเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น 9 แสนคน และชาวไต้หวัน 4 แสนคน


นายสุรพงษ์กล่าวว่า ขณะนี้ บวท. แจ้งว่า มีบริษัทเอกชนบางรายสนใจทำธุรกิจให้บริการเครื่องบินทะเล ( Sea Plane) หรือ ซีเพลน โดยอยู่ระหว่างการยื่นขออนุญาตประกอบการกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT แล้ว อาทิ บริษัท สยาม ซีเพลน จำกัด โดยมีแผนจะเปิดให้บริการสู่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล

ดังนั้นจึงให้ บวท.ศึกษา การให้บริการเครื่องบินทะเล (ซีเพลน) ในรายละเอียดข้อกฎหมาย ระเบียบต่างๆ เช่น เส้นทางการบิน รวมถึงรูปแบบการดำเนินงานในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยคาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2566 เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและมีกำลังจ่ายสูง (พรีเมียม) รวมถึงช่วยลดความแออัดภายในสนามบิน โดยเบื้องต้นจะเป็นการให้บริการเส้นทางภายในประเทศ จากเมืองสู่เกาะ และเชื่อว่า ธุรกิจบริการเครื่องบินทะเลจะเติบโต และมีความต้องการของนักท่องเที่ยวเพิ่มในอนาคต


ด้านนายณพศิษฎ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท. กล่าวว่า วิทยุการบินฯ พร้อมดำเนินการเพื่อสนับสนุนนโยบาย โดยมุ่งเน้นเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับของสนามบิน เพื่อบริการประชาชนให้สามารถเดินทางได้รวดเร็วและปลอดภัย โดยได้ทำการวิเคราะห์ความสามารถสูงสุดในการรองรับอากาศยานของสนามบินแบบจำลอง Fast-time Simulation และใช้ 3D Simulator ในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศให้สามารถปฏิบัติงานสำหรับทางวิ่งที่มีความหนาแน่นสูงสุด (High Intensity Runway Operation)

ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการรองรับของสนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นจาก 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เป็น 94 และ 104 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เมื่อทางวิ่งเส้นที่ 3 แล้วเสร็จ สนามบินดอนเมือง จาก 50 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้นเป็น 57 เที่ยวบินต่อชั่วโมง สนามบินภูเก็ต จาก 20 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้นเป็น 25 เที่ยวบินต่อชั่วโมง


พร้อมกันนี้ มีแผนจะนำเทคโนโลยี Digital Tower มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการรองรับเที่ยวบิน ในขณะเดียวกัน ได้เตรียมความพร้อมให้บริการการเดินอากาศ ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา รวมทั้งออกแบบห้วงอากาศและเส้นทางบินตามโครงการ METROPLEX ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการเดินอากาศที่สามารถรองรับเที่ยวบินได้ 1.5 - 2 ล้านเที่ยวบินในอนาคต นอกจากนี้ วิทยุการบินฯ ได้ร่วมมือกับจีนและลาวในการจัดทำเส้นทางบินใหม่ซึ่งจะทำให้สามารถรองรับเที่ยวบินเพิ่มขึ้นอีกด้วย


สำหรับการเปิดให้บริการสนามบินเชียงใหม่ ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมานั้น ไม่มีปัญหาในการจัดจราจรทางอากาศโดย ที่ผ่านมา บวท. มีการทำงานตลอด 24 ชม.อยู่แล้ว โดย มีการจัดสรรอัตรากำลังเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับการให้บริการและพร้อมที่จะจัดจราจรทางอากาศในสนามบินอื่น หากจะมีนโยบายเปิดให้บริการ 24 ชม. เพิ่มเติม


กำลังโหลดความคิดเห็น