ส.อ.ท.ปรับเป้าการผลิตรถยนต์ปี 2566 ใหม่ โดยลดการผลิตเพื่อการจำหน่ายในประเทศลง 50,000 คันส่งผลให้การผลิตทั้งปีจากเดิมอยู่ที่ 1,900,000 คันเหลือเป็น 1,850,000 คัน เหตุสถาบันการเงินยังคงคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนไทยที่พุ่งสูง แต่การส่งออกยังคงเป้าเดิมที่ 1,050,000 คันหากการสู้รบอิสราเอล-ฮามาสไม่บานปลาย
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ได้ปรับประมาณการผลิตรถยนต์ปี 2566 ใหม่จากเดิมที่มีเป้าหมายอยู่ที่ 1,900,000 คัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก 1,050,000 คัน เพื่อการจำหน่ายในประเทศ 850,000 คัน โดยปรับลดเหลือการผลิตทั้งสิ้นที่ 1,850,000 คัน โดยปรับลดในส่วนของการผลิตเพื่อการจำหน่ายประเทศลง 50,000 คันเหลือ 800,000 คันแต่ยังคงเป้าการผลิตเพื่อส่งออกที่ 1,050,000 คัน ส่งผลให้การผลิตที่ปรับใหม่เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีการผลิตทั้งสิ้น 1,883,515 คัน ลดลง 1.78%
“สาเหตุสำคัญที่ทำให้เราต้องปรับเป้าอีกครั้งเนื่องจากก่อนหน้ามีความเข้มงวดของการอนุมัติสินเชื่อโดยเฉพาะรถกระบะค่อนข้างมาก เราเคยคิดว่าจะรอรัฐบาลใหม่มาเผื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นก็ยอมรับว่าดีมานด์เองมีอยู่แต่การจำหน่ายในประเทศลดลงจากปัจจัยหลักสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนสูงทำให้ไม่ผ่านเครดิตบูโร ไฟแนนซ์บางแห่งให้วางเงินดาวน์สูง 30-40% ซึ่งถือเป็นการปฏิเสธโดยปริยาย” นายสุรพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ การผลิตรถยนต์เดือน ก.ย. 66 มีทั้งสิ้น 164,093 คัน ลดลงจาก ก.ย. 65 คิดเป็น 8.45% ส่งผลให้ 9 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.ย. 66) มียอดผลิต 1,385,971 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.61% ซึ่ง 9 เดือนแรกผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 218,991 คัน คิดเป็น 45.52% ของยอดผลิตรถยนต์นั่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15.04% ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 9 เดือนอยู่ที่ 576,007 คัน คิดเป็น 41.56% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.74%
สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือน ก.ย. 66 มีทั้งสิ้น 62,086 คัน ลดลงจาก ก.ย. 65 คิดเป็น 16.27% จากยอดขายรถกระบะที่ลดลงถึง 45% เพราะการเข้มงวดสินเชื่อประกอบกับ ก.ย. 65 มีการเติบโตสูงจากที่เริ่มได้รับชิป ส่งผลให้ 9 เดือนแรกมียอดขาย 586,870 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 7.39% ขณะที่การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน ก.ย. 66 อยู่ที่ 97,476 คัน เพิ่มขึ้นจาก ก.ย. 65 คิดเป็น 2.90% เพราะฐานสูงในปีที่แล้วที่ได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้น และ 9 เดือนแรกส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 821,899 คัน เพิ่มขึ้นจากชวงเดียวกันของปีก่อน 16.34% มีมูลค่าการส่งออก 519,435.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.27% ทำให้การส่งออกทั้งปี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หากสถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอล-ฮามาสไม่บานปลายขยายวงกว้างไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางโดยรวม
“ยานยนต์ไฟฟ้ายังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยพบว่ามียอดจดทะเบียนใหม่ (ป้ายแดง) ก.ย. 66 อยู่ที่ 6,839 คัน เพิ่มขึ้น 542.16% และรวม 9 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 50,000 คัน เพิ่มขึ้น 757.63% ซึ่งต้องขอขอบคุณนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังที่มีนโยบายวางสมดุลของรถยนต์สันดาปและไฟฟ้าควบคู่กันไป” นายสุรพงษ์กล่าว