xs
xsm
sm
md
lg

BYD ฟันยอดขายเดือน ส.ค.ขึ้นอันดับ 4 ของโลก เหตุรถไฟฟ้าบูม-ส่งรถใหม่เสิร์ฟฟต่อเนื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วินาทีนี้ชื่อของ Build Your Dreams หรือ BYD ถูกจับตามองและได้รับความสนใจไม่เฉพาะในเมืองไทยแต่รวมถึงจากตลาดทั่วโลกที่แบรนด์เข้าไปดำเนินกิจการ และแน่นอนว่านับตั้งแต่เริ่มรุกตลาดโลกอย่างจริงจังเมื่อ 2 ปีที่แล้ว BYD สามารถสร้างสิ่งที่เรียกว่าปรากฏการณ์ในการทำให้ตลาดรถยนต์ทั่วโลกต้องจับตามองในทุกย่างก้าวของแบรนด์ ซึ่งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พวกเขาทำยอดขายขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ของโลกแล้ว


BYD ฟันยอดขายอันดับ 4 ของโลก

เว็บไซต์ CarNewChina.com ได้เปิดเผยว่า จากการรวบรวมยอดขายรถยนต์ใน 37 ตลาดใหญ่ของโลกในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่ามีความน่าสนใจอย่างมาก โดยนอกจากตลาดจะมียอดขายอยู่ที่ 5.55 ล้านคันแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อแยกตามแบรนด์แล้วพบว่า BYD ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของจีน สามารถทำยอดขายแซงหน้า Ford และ Hyundai ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลกสำหรับยอดขายในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา


อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการเปิดเผยยอดขายในเชิงตัวเลขออกมา แต่ระบุว่าเป็นการวัดจากส่วนแบ่งยอดขายที่เกิดขึ้นในเดือนนั้นๆ โดย BYD ทำตัวเลขของส่วนแบ่งทางตลาดอยู่ที่ 4.8% เหนือจากเจ้าของเดิมอย่าง Hyundai และ Ford อยู่ที่ 0.5 และ 0.6% ตามลำดับ และเบียดกับอันดับ 3 คือ Honda ด้วยตัวเลขที่ห่างกันเพียง 0.1% เท่านั้น

เหตุผลที่ทำให้ BYD สามารถทำยอดขายในเดือนสิงหาคมได้อย่างยอดเยี่ยมนั้น เป็นผลมาจากการที่ตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าในต่างประเทศมีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ BYD เองเริ่มส่งผลผลิตใหม่ๆ ของตัวเองออกมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีที่แล้ว รวมถึงการขยายตลาดออกสู่ประเทศต่างๆ ซึ่งช่วยทำให้ยอดขายในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมถึง 5% ขณะที่ตลาดรถยนต์ในจีนเองนั้น พวกเขากำลังประสบปัญหาในเรื่องยอดขายที่ไม่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลความต้องการที่ลดลง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อ BYD



อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนก็ยังเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นผลมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงใดช่วงหนึ่ง และทาง BYD พยายามที่รุกตลาดอยู่แล้วด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีความคุ้มค่าออกสู่ตลาด เมื่อความต้องการ 2 ส่วนมาสอดคล้องกันก็เลยทำให้เกิดตัวเลขยอดขายที่ดีขึ้น และยังต้องดูและติดตามถึงความคงที่ในเรื่องของการสร้างยอดขายของแบรนด์กันต่อไปว่า BYD จะยังรักษาตัวเลขของการเติบโตได้มากน้อยแค่ไหน

แบรนด์รถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับที่ 3 ของโลก


ขณะที่ในเรื่องของ The Most Valuable Car Company หรือบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดนั้น BYD กลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่ได้รับการประเมินและมีตัวเลขในส่วนนี้ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดสามารถแซง Volkswagen ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 ของโลก ต่อจาก Tesla และ Toyota ที่อยู่ในอันดับ 1 และ 2 โดยเป็นบริษัทรถยนต์จีนเพียงรายเดียวในท็อปเท็นลิสต์


จากการประเมินมูลค่าของตลาดที่ BYD มีอยู่นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทิศทางและการรุกตลาดที่มีความชัดเจนในเรื่องของการผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้าเพื่อรองรับกับความเติบโตของตลาดทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และจากการเปิดเผยของ CarNewChina.com ระบุว่าทาง BYD ยืนยันว่าจะยุติการผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือ ICE เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา และโฟกัสเฉพาะการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้พวกเขากลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่ผลิตรถยนต์แบบ ICE รายแรกของโลกที่ยุติการผลิตรถยนต์ประเภทนี้และมุ่งหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น

BYD ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 ในฐานะผู้ผลิตแบตเตอรี่และเข้าสู่ตลาดรถยนต์ในปี 2003 ซึ่งตอนนั้นพวกเขามีรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นทางเลือกที่มีอยู่ในตลาด ก่อนที่จะผันตัวมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ซึ่งในปัจจุบันพวกเขาเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดในจีน


แม้ว่าการผลิตรถยนต์มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อมูลค่าตลาดและราคาหุ้นของ BYD ที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ BYD Company ยังมีธุรกิจอื่นๆ เช่น ส่วนประกอบและการประกอบโทรศัพท์มือถือ ตลอดจนแผงเซลล์แสงอาทิตย์และแบบชาร์จไฟได้

ปัจจุบัน BYD เป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนเพียงรายเดียวที่ติดอันดับ 10 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกตามมูลค่าตลาด ผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่รายอื่นๆ ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้แก่ Li Auto, Nio และ Xpeng แต่พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้เพิ่มพวกเขาเข้าไปในรายการ "การเพิกถอนก่อนจดทะเบียน" พร้อมด้วยอีกกว่า 80 รายจากบริษัทจีน สิ่งนี้ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ใช้มาตรการตอบโต้ เช่น Nio เปลี่ยนไปจดทะเบียนในสิงคโปร์แทน


กำลังโหลดความคิดเห็น