กรมการค้าต่างประเทศปรับปรุงร่างกฎเกี่ยวกับการกำกับดูแลการนำเข้าเศษพลาสติกรวม 3 ฉบับ กำหนดให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าต้องขออนุญาต กำหนดเงื่อนไขการพิจารณาอนุญาตนำเข้าจนถึงสิ้นปี 67 และห้ามนำเข้าในทุกพื้นที่ตั้งแต่ 1 ม.ค. 68 พร้อมเปิดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องแสดงความคิดเห็นได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ต.ค. 66
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) กฎกำหนดมาตรการนำเข้าเศษพลาสติกไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 27 มี.ค.-25 เม.ย. 2566 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจร่วมให้ความเห็นต่อร่างกฎดังกล่าวหลายราย ซึ่งกรมได้วิเคราะห์และประมวลความคิดเห็นดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งจนเป็นที่ยุติ และได้ปรับปรุง (ร่าง) กฎเกี่ยวกับการกำกับดูแลการนำเข้าเศษพลาสติกรวม 3 ฉบับ เพื่อดำเนินการตามนโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติกของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2566
โดยร่างทั้ง 3 ฉบับ ได้แก่ 1.(ร่าง) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ... กำหนดให้ผู้นำเข้าเศษพลาสติก ซึ่งหมายถึง เศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นพลาสติก ตามพิกัดศุลกากรประเภท 39.15 ต้องขออนุญาตก่อนนำเข้า 2.(ร่าง) ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการอนุญาตให้นำเศษพลาสติกเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ... เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการพิจารณาอนุญาตนำเข้าเศษพลาสติกในพื้นที่ทั่วไปจนถึงสิ้นปี 2567 โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นผู้พิจารณาอนุญาตนำเข้า และ 3.(ร่าง) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ... เพื่อห้ามนำเศษพลาสติกเข้ามาในราชอาณาจักรในทุกพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นไป
“กรมขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทุกภาคส่วน รวมทั้งผู้สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ (ร่าง) กฎทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว ผ่านเว็บไซต์ของกรมการค้าต่างประเทศ (www.dft.go.th) หรือระบบกลางของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (www.law.go.th) ได้ตั้งแต่วันที่ 17-31 ต.ค. 2566 โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ DFT Call Center โทร. 1385 หรือกองบริหารการค้าสินค้าทั่วไป กรมการค้าต่างประเทศ โทร. 0-2547-5121” นายรณรงค์กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือน ปี 2566 (ม.ค.-ส.ค.) มีการนำเข้าเศษพลาสติกในพื้นที่เขตปลอดอากรเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกแล้วส่งออก ปริมาณ 0.14 ล้านตัน มูลค่า 1,364 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.96 และ 28.71 ตามลำดับ โดยมีการส่งออกเศษพลาสติกจากไทยมีปริมาณ 0.06 ล้านตัน มูลค่า 1,552.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.72 และ 2.55 ตามลำดับ