กรมการค้าภายในจัดส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจ ออกตรวจสอบตลาดและแหล่งจำหน่ายวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารเจ เพื่อกำกับดูแลการจำหน่าย การปิดป้ายแสดงราคา ป้องกันประชาชนโดนเอาเปรียบในช่วงเทศกาลกินเจปีนี้ ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15-23 ต.ค. เผยสถานการณ์สินค้าภาพรวม ยังทรงตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ ย้ำผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมาย ผู้บริโภคหากโดนเอาเปรียบร้องสายด่วน 1569 ได้เลย
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สายตรวจ ออกตรวจสอบตลาดและแหล่งจำหน่ายวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารเจอย่างใกล้ชิด เพื่อกำกับดูแลพฤติกรรมทางการค้า สถานการณ์ด้านราคาและปริมาณ ตลอดจนการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมและป้องปรามมิให้มีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าและเอาเปรียบผู้บริโภค ในช่วงเทศกาลกินเจปีนี้ ที่ตรงกับวันที่ 15-23 ต.ค.2566
ทั้งนี้ กรมยังได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการจำหน่ายสินค้า บริเวณตลาดเวิลด์มาร์เก็ต เขตทวีวัฒนา ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบเป็นอาหารเจที่สำคัญ พบว่า ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือด้วยดีในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง มีการแสดงราคจำหน่ายชัดเจน เปิดเผย ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจซื้อ และยังไม่พบพฤติกรรมการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาจำหน่าย
สำหรับสถานการณ์สินค้าในภาพรวม ราคาจำหน่ายถือว่าไม่ได้แตกต่างไปจากปีที่แล้วมากนัก โดยราคาค่อนข้างอยู่ในเกณฑ์ปกติ เป็นการปรับขึ้นในระยะเวลาสั้นจากความต้องการของตลาดที่สูงกว่าปกติในช่วงวันสำคัญ เช่น โปรตีนเกษตร ราคา 170-180 บาท/กิโลกรัม (กก.) หน่อไม้จีน ราคา 350 บาท/กก. เห็ดหอมจีน ขนาดกลาง ราคา 350-420 บาท/กก. เป็นต้น
“ขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนประชาชนหากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าและบริการ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ กรมจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และหากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยกรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคามีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้าและปฏิเสธการจำหน่ายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”นายอุดมกล่าว