กรมการค้าภายในเผยสถานการณ์ผักสดยังเข้าสู่ตลาดต่อเนื่อง ราคาอยู่ในเกณฑ์ปกติ หลังมีความกังวลหลายพื้นที่มีฝนตกหนัก และน้ำท่วม ยันจะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดต่อไป พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยเฉพาะใกล้ช่วงเทศกาลกินเจ เพื่อไม่ให้ประชาชนโดนเอาเปรียบ
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์พืชผัก ณ ตลาดสี่มุมเมือง ซึ่งเป็นตลาดกลางค้าส่งผักขนาดใหญ่ หลังจากมีข้อกังวลในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ และบางแห่งเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ทำให้กระทบต่อการเพาะปลูกผัก โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่ามีปริมาณผักหมุนเวียนเข้าสู่ตลาดต่อเนื่อง ราคาพืชผักส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยังไม่พบความผิดปกติของการปรับตัวขึ้นลงของราคาผักแต่อย่างใด ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากพื้นที่จังหวัดที่ฝนตกหนักและน้ำท่วมไม่ได้เป็นแหล่งผลิตพืชผักสำคัญ จึงไม่กระทบต่อปริมาณผักที่เข้าสู่ตลาด
ทั้งนี้ กรมขอยืนยันว่าปริมาณผักมีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค โดยราคาขายปลีกผักสำคัญ ณ ตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประจำวันที่ 4 ต.ค. 2566 เช่น ผักคะน้าราคา 40-45 บาท/กิโลกรัม (กก.) ถั่วฝักยาวราคา 35-40 บ./กก. กะหล่ำปลีราคา 30-35 บาท/กก. ผักกวางตุ้งราคา 30-35 บาท/กก. ผักกาดขาวราคา 30-35 บาท/กก. ต้นหอมราคา 60-70 บาท/กก. ผักชีราคา 130-150 บาท/กก. พริกขี้หนูจินดาราคา 60-80 บาท/กก. ผักบุ้งจีนราคา 35-40 บาท/กก.
อย่างไรก็ตาม กรมจะติดตามสถานการณ์ราคาพืชผักอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยมีเจ้าหน้าที่กรมและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดออกตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ใกล้เข้าสู่เทศกาลกินเจ เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ และขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน หากไม่ปิดป้ายแสดงราคาการจำหน่ายสินค้า มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และห้ามฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาเกินสมควรโดยเด็ดขาด หากตรวจพบจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท ส่วนประชาชน หากพบเห็นการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด
สำหรับการลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้มอบนโยบายให้กรมติดตามสถานการณ์การผลิตและการตลาดสินค้าเกษตร รวมถึงค่าครองชีพอย่างใกล้ชิด และดูแลผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้า เพื่อสร้างสมดุลทุกภาคส่วน ทั้งประชาชน เกษตรกร ผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้ประกอบการ