xs
xsm
sm
md
lg

“สยามพารากอน” เปิดตัว “NEXT TECH x SCBX”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การตลาด - “สยามพารากอน” ทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ ผนึกพันธมิตรหลากหลาย นำทีมโดย
SCBX (เอสซีบี เอกซ์) ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท ร่วม Co-create เปิด “SIAM PARAGON NEXT TECH x SCBX” เทคคอมมูนิตี้เพื่อการเรียนรู้แห่งโลกอนาคต พร้อมก้าวเข้าสู่โลกอนาคตในยุคดิจิทัล และเป็นแนวทางของการพัฒนาสู่ความยั่งยืน นับเป็นก้าวสำคัญในการทราน์สฟอร์มสยามพารากอนสู่การกำหนดนิยามใหม่อีกระดับที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแห่งโลกอนาคตในทุกมิติ “The World of Tomorrow”

ปี2566 นี้เป็นปีที่ครบรอบการเปิดบริการของศูนย์การค้าระดับโลกอย่าง สยามพารากอน และถือได้่ว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและปรับโฉมครั้งใหญ่ด้วย


นางธณพร ตันติยานนท์ ผู้บริหารหน่วยธุรกิจ ศูนย์การค้าสยามพารากอน บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า ในปีพ.ศ.2566 นี้สยามพารากอนทุ่มงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อทรานส์ฟอร์มแลนด์มาร์คระดับโลกใจกลางมหานครกรุงเทพฯ แห่งนี้ทั้งอาคาร โดยจะรังสรรค์แพลตฟอร์มต่างๆ ให้เป็นต้นแบบใหม่ครั้งแรกของโลก เพื่อเป็นเวทีให้ผู้ที่เป็นสุดยอดในทุกๆ ด้านมาร่วมกัน Co-create สร้างผลงานและเติมเต็มยกระดับชีวิตของผู้คนให้ได้รับประสบการณ์ระดับโลกเหนือความคาดหมาย
“วันนี้สยามพารากอน ได้ประกาศเดินหน้าอีกก้าวของการทรานส์ฟอร์มครั้งสำคัญสู่การเป็น The World of Tomorrow นำเสนอรูปแบบการใช้ชีวิตแห่งโลกอนาคตที่มีความมหัศจรรย์น่าตื่นตาตื่นใจ สู่ New Experience Lifestyle”

กล่าวได้ว่า ทุกวันนี้สยามพารากอนเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญระดับโลกของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่มีความโดดเด่นไม่แพ้โครงการสำคัญๆ ในประเทศต่างๆ และเป็นที่หนึ่งในใจคนไทยและคนทั่วโลกมาโดยตลอด โดยในแต่ละวันมีผู้คนมาเยือนจำนวน 120,000 – 150,000 คนหรือกว่า 50 ล้านคนต่อปี

ล่าสุด สยามพารากอน ได้ร่วมมือกับพันธมิตรหลักสำคัญอย่าง SCBX และองค์กรพันธมิตรชั้นนำผู้ร่วมก่อตั้งมากกว่า 10 องค์กร พันธมิตรใน Tech Ecosystem กว่า 100 องค์กร และยังมีผู้นำความคิดและผู้เชี่ยวชาญในสายเทค กว่า 1,000 คน ทั่วโลก เพื่อสร้าง “SIAM PARAGON NEXT TECH x SCBX” เทคคอมมูนิตี้แห่งใหม่แห่งแรกของไทย เพื่อยกระดับอีกมิติของการนำเสนอประสบการณ์เหนือความคาดหมายทั้งในศูนย์การค้าและในโลกดิจิทัล ซึ่งยังเป็นการปรับพื้นที่ครั้งใหม่อีกด้วย ด้วยงบลงทุนใหม่พื้นที่ดังกล่าวนี้กว่า 200 ล้านบาท

“เราต้องการสร้างตรงนี้ พื้นที่กว่า 4,000 ตร.ม. ชั้น 4 สยามพารากอน ให้เป็นพื้นที่ด้านเทคคอมมูนิตี้ของการเรียนรู้แห่งโลกอนาคต และพัฒนาศักยภาพให้ผู้สนใจโลกดิจิทัลทุกเจนเนอเรชั่น ได้เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ พัฒนาตนเอง สร้างแรงบันดาลใจ ตลอดจนเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมก้าวเข้าสู่โลกอนาคตในยุคดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยจะดึงดูดคนรุ่นใหม่ๆเข้ามาในพื้นที่นี้มากยิ่งขึ้นด้วย และก็จะมีอีเวนต์ต่อเนื่องตลอด” นางธณพร กล่าว


ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กล่าวว่า SCBX มีเป้าหมายสำคัญในการนำพาองค์กร สู่การเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำในระดับภูมิภาค ซึ่งความร่วมมือกับสยามพารากอน ในการ Co-create พื้นที่ “SIAM PARAGON NEXT TECH x SCBX” ณ ชั้น 4 สยามพารากอนในครั้งนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ตรงกันของสององค์กรภาคเอกชนชั้นนำของไทยที่มีความมุ่งมั่นในการผลักดันให้ประเทศไทย กลายเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมดิจิทัลของภูมิภาคต่อไป

“SCBX ได้นำเสนอพื้นที่ AreaX ซึ่งพัฒนาขึ้นจากความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเทคคอมมูนิตี้บนพื้นที่ศักยภาพซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร โดยยึดเอาความต้องการและความสนใจของกลุ่ม Tech Talent เป็นแกนสำคัญ จึงได้แบ่งการใช้งานพื้นที่ 100 ตารางเมตร ออกเป็น 2 โซน ได้แก่ Developer Lounge แห่งแรกของเมืองไทย ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ โต๊ะทำงาน Workstation ปรับระดับได้ ที่มาพร้อม Coding Monitor ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเหล่า Developer รวมถึง Digital Nomad สามารถทำงานได้อย่างสะดวก สอดคล้องกับรูปแบบการทำงานแบบ Work from Anywhere ในโลกยุคปัจจุบัน ที่ไม่จำกัดว่าจะต้องอยู่แต่ออฟฟิศเสมอไป และ Experience Zone พื้นที่แห่งการเรียนรู้ พบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ผ่านรูปแบบซีรีส์เวิร์กชอป ให้ความรู้ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากบริษัทในกลุ่ม SCBX และองค์กรพันธมิตรชั้นนำระดับประเทศและระดับโลก ที่จะหมุนเวียนกันมาให้ความรู้และแบ่งปันประสบการณ์แก่ผู้ที่สนใจตลอดทั้งปี 


นอกจากนี้ยังได้นำนวัตกรรมทางการเงินต่างๆ ของบริษัทภายใต้กลุ่ม SCBX และเทคโนโลยีอันทันสมัยจากพันธมิตรชั้นนำมาจัดแสดงหมุนเวียนภายในพื้นที่แห่งนี้ เพื่อให้คนทั่วไปได้ร่วมสัมผัสและเข้าถึงโลกเทคโนโลยีทางการเงินมากยิ่งขึ้น”
นางสาวสิริพร หฤทัยวิญญู ผู้บริหารสายงาน บริหารธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า วิสัยทัศน์สำคัญในการพลิกโฉมการพัฒนาโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ยิ่งใหญ่ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘การร่วมกันรังสรรค์’ หรือ Co-Creation & Collaboration เป็นการผนึกกำลังผสานศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของเหล่าพันธมิตรชั้นนำในระดับประเทศและระดับโลก ที่มีความองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญที่แตกต่างให้มาร่วมกันสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ของวงการค้าปลีก

“นอกจากนี้ สยามพารากอน ยังให้ความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability) จึงผนึกกำลังกับ SYNNEX ผู้นำด้าน IT Ecosystem ในโครงการ “ทิ้งให้ถูกที่กับ Trusted By Synnex E-Waste” ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดมลพิษจากขยะอิเล็กทรอนิกส์และลดภาวะโลกร้อน ด้วยการติดตั้งจุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ไอที ซึ่งจะถูกนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี โดยผ่านการคัดแยกสู่กระบวนการ Recycle และ Upcycle เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุด และนำไปสู่กระบวนการรีไซเคิลแบบ Zero Landfill มาตรฐานสากลอีกด้วย”


นายสาลวิท สุวิพร ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานสร้างสรรค์และนวัตกรรม บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยถึงคอนเซ็ปต์ของการรังสรรค์พื้นที่ว่า “SIAM PARAGON NEXT TECH x SCBX” ภายใต้แนวคิด “Smarter Better Richer” จะเป็นเทคคอมมูนิตี้ฮับของ Tech ทุกแขนง เปิดโอกาสให้ผู้สนใจด้านดิจิทัลเข้ามาร่วมเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพตนเอง จากการเข้าร่วมกิจกรรมของพันธมิตรมากมายตามความสนใจ ที่ทุกคนสามารถแบ่งปันความคิดหรือร่วมกันค้นพบเทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมเปิดรับโกลบอลพาร์ทเนอร์จากทั่วโลกมาร่วมนำเสนอประสบการณ์ของแบรนด์ คอนเทนต์ และเวิร์กชอปที่น่าสนใจมากกว่า 400 กิจกรรมตลอดทั้งปี
SIAM PARAGON NEXT TECH x SCBX มีพื้นที่นำเสนอ Future Communities 7 ด้าน ประกอบด้วย

1. DEV CONNECT
คอมมูนิตี้ของเหล่านักพัฒนาเทคโนโลยี ที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยได้รับความร่วมมือจากเหล่าพันธมิตรชั้นนำ อาทิ SCBX ที่มาร่วมสร้างปรากฏการณ์ Co-Working Space และ Community สำหรับ Developer ซึ่งเป็นที่แรกในประเทศไทย, Microsoft สร้างคอมมูนิตี้สำหรับนักพัฒนา และถ่ายทอคความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ, Google Developer Group หนึ่งในพันธมิตรที่จะช่วยสร้าง
คอมมูนิตี้สำหรับนักพัฒนา รวมถึงถ่ายทอดเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะมาร่วมสร้างคอมมูนิตี้ให้ Developer แข็งแรงยิ่งขึ้น

2. BLOCKCHAIN WEB3 & FINTECH
ก้าวไปสู่ยุคใหม่ของโลกดิจิทัลด้วยเทคโลโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล และเทคโนโลยีทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างผู้ประกอบการ, นักลงทุน และผู้ชื่นชอบเทคโนโลยีเพื่อโอกาสในโลกดิจิทัลที่ ไม่มีที่สิ้นสุด โดยได้รับความร่วมมือจากเหล่าพันธมิตรระดับโลก อาทิ SCBX, Siam Sand Box by Jaymart Group พื้นที่ Showcase เกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain NFTs Gadget ต่างๆ จากทั่วโลก และเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง CeeStore, Bitspace by Bitcast คอมมูนิตี้สเปซและที่ให้คำปรึกษาสำหรับนักลงทุนสาย Cryptocurrency และ Web3 อาทิ Blockchain, NFTs, DeFi และ GameFi, The Pink Lab ที่ปรึกษาธุรกิจด้านเทคโนโลยีและอินโนเวชั่น รวมถึง Wagyu Lab ผู้สรรค์สร้าง Web3 Community ทั้ง Cryptocurrency, NFTs, Blockchain และ Metaverse รวมถึง Investment Academy มาร่วมเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญ, SANDBOX พื้นที่สำหรับร่วมสร้าง Special Online Activity บน SCBX NEXT TECH ผ่าน Metaverse
นอกจากนี้ยังมี สมาคมฟินเทคประเทศไทย สร้างสรรค์พื้นที่สำหรับให้คำปรึกษา รวมถึงจัด Business Matching ให้กับ Start Up และนักลงทุน และ การเงินการธนาคาร ผู้จัดมหกรรมทางการเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทยอย่าง Money Expo มาช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมเกี่ยวกับการเงินการลงทุน


3. NEW TECH
นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเป็นเครื่องมือสู่อนาคตและสนับสนุนให้ธุรกิจสตาร์ทอัพเติบโตโดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตร ได้แก่ JIB สาขาแรกในประเทศไทยที่เป็นมากกว่าร้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไอที, DEPA พันธมิตรที่จะมาสร้างความแข็งแกร่งเรื่องของเศรษฐกิจดิจิทัล และเทคโนโลยีต่างๆ, Tencent Thailand ที่จะช่วยสร้างความบันเทิงและเทคโนโลยีอย่างครบวงจรให้กับโซน นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรชั้นนำ อย่าง Thailand Accelerator by Techsauce โครงการสตาร์ทอัพทั่วโลก ที่ต้องการหาเงินลงทุน, Venture Bridge กองทุน CVC ให้เข้าถึงเทคโนโลยีทั่วโลก, RISE VC สำหรับสตาร์ทอัพทั่วโลก , AIS พร้อมเปิด AIS Serenade Club สำหรับสมาชิก และ Showcase ของเทคโนโลยีล้ำสมัย และยังมี robot innovation showcase โดยมหาวิทยาลัยสยาม นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรชั้นนำ RISE มาร่วม co create content ตลอดทั้งปี

4. HEALTHTECH HUB
นำเสนอแนวคิดและนวัตกรรมการดูแลสุขภาพผ่านเทคโนโลยีและวิธีการที่ยั่งยืน เพื่อพัฒนาสุขภาพของมนุษย์ควบคู่ไปกับการดูแลปกป้องโลก นำเสนอ Looloo Technology AI และ Tele Medicine ที่ให้คำปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ พร้อมสร้างคอมมูนิตี้สำหรับคนที่สนใจทางด้าน Health Tech แห่งแรกของเมืองไทย

5. GAMER’S GUILD
พื้นที่ของเหล่าเกมเมอร์ และคนที่ชื่นชอบเกมได้มาแลกเปลี่ยนความชอบ เทคนิค และแพชชั่น ในเกมแนวที่ชอบ โดย JIB สาขาแรกในประเทศไทยที่มีการทำ PC Academy รวบรวมเหล่าสตรีมเมอร์จากสายเกมมิ่งชั้นนำมาแนะนำการเป็นสตรีมเมอร์ และ Playpost ที่จะมาช่วยสร้าง Game Community ด้วยประสบการณ์การสร้างคอมมูนิตี้ให้กับเกมดังๆ มากมาย


6. AI ARENA
เทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างบุคคลหรือกลุ่มคนในโลกออนไลน์ รวมถึงสร้างโอกาสให้ผู้คนได้แบ่งปัน ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีที่สร้างความบันเทิง อาทิ Microsoft บริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์อันดับต้นๆ ของโลก ผู้ร่วมลงทุนและพัฒนา ChatGPT, BOTNOI ผู้พัฒนาแชทบอตยอดนิยมของคนไทย, Spectre AI บริษัทพัฒนา AI และ AI คอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ในประเทศไทย, Guardian Angel AI ครั้งแรกกับ 3D Character Workshop และพูดคุยเกี่ยวกับ VTuber Industry โดยบริษัทผู้เป็นเจ้าของ Virtual Idol อันดับ 1 ของไทย Aisha Channel เชี่ยวชาญในเทคโนโลยี Motion Capture และการประยุกต์ความคิดสร้างสรรค์ให้เข้ากับสื่อสมัยใหม่

7. SOCIAL CO-CREATORS
เปิดโอกาสให้ โซเชียลอินฟลูเอ็นเซอร์ และผู้สนใจเข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์และความรู้ร่วมกัน โดย พันธมิตรระดับโลก Tiktok House of Creator ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สร้างสรรค์สเปซขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับการจัด Workshop ให้กับ Creator และผู้สนใจทั่วไปที่อยากเป็น Tiktok Creator รวมถึงการจัด Fan Meet กับ Top Tiktok Creator, The Standard O2O Exhibition เปิดพื้นที่ต้อนรับแฟนคลับ The Standard นำคอนเทนต์ที่กำลังได้รับความนิยมมาให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์ในรูปแบบ O2O

Techsauce ผู้ขับเคลื่อนระบบนิเวศเทคโนโลยีในประเทศไทย มาร่วมสร้างสรรค์ Tech Museum Journey Through the Generation of Change, Wisesight นำ insight ข้อมูลที่เกิดขึ้นทาง Social Media ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Social Listening มาร่วมพูดคุย พร้อมอัปเดตเทรนด์การตลาดต่างๆ, Tellscore แพลตฟอร์ม Influencer Community ที่จะมาร่วมนำเสนอคอนเทนต์เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และThe Monk Studios สตูดิโอสัญชาติไทย ผู้ผลิตแอนิเมชัน วิชวลเอฟเฟกต์ และเกม มาร่วมสร้างคอมมูนิตี้เหล่า Digital Artist รวมถึง platform tech for good อย่าง Social giver

The Next Tech Community by Focus พื้นที่ Co-Working Space แห่งใหม่ใจกลางสยาม ซึ่งมีบริการที่แตกต่างและเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ อาทิ กระจกกันรอย Privacy, บริการ Working Pods ห้องประชุมหรือทำงานขนาดย่อม และหูฟัง ANC-Headphone Noise canceling และยังมี ONESIAM SuperApp พื้นที่ที่มอบประสบการณ์เหนือระดับสำหรับสมาชิก ONESIAM ที่เชื่อมโลกออฟไลน์และออฟไลน์ไว้ด้วยกัน

นอกจากพื้นที่นำเสนอฟิวเจอร์คอมมูนิตี้ใหม่ทั้ง 7 ด้านดังกล่าวแล้ว ยังมีพื้นที่ SCBX NEXT STAGE สำหรับแลกเปลี่ยนความรู้ในรูปแบบสัมมนา เวิร์กชอป ซึ่งสามารถรองรับคนได้มากถึง 300 คน รวมถึงพื้นที่สำหรับการจัดแสดงผลงานศิลปะในรูปแบบต่างๆ ที่สร้างสรรค์ เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ โดยล่าสุดเปิดตัว Digital Art ผลงานจาก Miguel Chevalier (มิเกล เชอวาลิเยร์) ศิลปินระดับโลกชาวฝรั่งเศส มาร่วมรังสรรค์ Interactive Experience ด้วย Digital Art ในรูปแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน เพื่อสร้างประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งปี

ขณะเดียวกันยังมีพื้นที่แสดง Curate Innovation Space ซึ่งเปิดตัวด้วย Robotic Arms โดย Salt Box_ Workshop ที่จะมาสร้างสรรค์งานศิลปะแกะสลักด้วยเทคโนโลยี รวมถึง Space K พาร์ทเนอร์จากประเทศเกาหลีที่เนรมิตพื้นที่ Mixed Reality Media Art สื่อศิลปะที่ผสมผสานเทคโนโลยี ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ และ K Culture ผ่านแสง สี สุดตระการตา
“การเปิด “SIAM PARAGON NEXT TECH x SCBX” เทคคอมมูนิตี้เพื่อการเรียนรู้แห่งโลกอนาคตเป็นการพลิกโฉมรูปแบบใหม่ของโลกศูนย์การค้าและธุรกิจรีเทล เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแห่งโลกอนาคต เป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของสยามพารากอนในการทรานสฟอร์มสู่ The World of Tomorrow” นางธณพร กล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น