“เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี” ชี้ครึ่งปีหลังอยู่ในช่วงไฮซีซัน มีงานในมือ Backlog & High Potential เต็มมือ 430-450 ล้านบาท มั่นใจรายได้ปีนี้โต 15-20% พร้อมเดินหน้ารับงานต่อเนื่องทั้งใน และต่างประเทศ
นางมัลลิกา แก่กล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON เปิดเผยว่า ในปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือที่ Backlog & High Potential อยู่ที่ 430-450 ล้านบาท แบ่งเป็นงานตรวจสอบทางวิศวกรรมระบบท่อด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง หรือ Smart Pigging Technology ในทวีปเอเชียอยู่ที่ 260-280 ล้านบาท อเมริกาเหนืออยู่ที่ 20 ล้านบาท ละตินอเมริกาอยู่ที่ 66 ล้านบาท ยุโรปอยู่ที่ 32-48 ล้านบาท ตะวันออกกลาง และแอฟริกาอยู่ที่ 15 ล้านบาท โดยจำนวนงานในมือที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนั้นเป็นไปตามปัจจัยของช่วงไฮซีซันของอุตสาหกรรมด้านพลังงานทั่วโลก
บริษัทฯ มีงานที่อยู่ในระหว่างเสนอราคา และอยู่ภายใต้การพิจารณาของลูกค้าในสหรัฐอเมริกามูลค่ากว่า 20 ล้านบาท และยุโรปมูลค่ากว่า 13 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีความมั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตได้ 15-20% ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าในช่วงที่เหลือของปีนี้เพื่อลงทุนพัฒนาอุปกรณ์ตรวจสอบอัจฉริยะ หรือ Intelligent Pigging รวมทั้งการลงทุนในอุปกรณ์อัตโนมัติ และหุ่นยนต์สำหรับผลิตทรานสดิวเซอร์ หรือ Transducer และตัวเชื่อมต่อทนแรงดันสูงใต้ทะเล หรือ Subsea high-pressure connectors เพื่อรองรับการขยายโอกาสในการรับงานในอนาคตให้เพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายในการขยายการรับงานในกลุ่มประเทศเดิมที่มีการรับงานอยู่แล้ว เช่น อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง รวมถึงการเปิดตลาดใหม่ในประเทศออสเตรเลียซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2566 บริษัทพยายามที่จะพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้ง แต่เนื่องจากไตรมาส 1 และไตรมาส 2/2566 มีผลประกอบการที่ขาดทุนอยู่ บริษัทมั่นใจว่าไตรมาส 4 นี้จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิแน่นอน
“ในช่วงไตรมาสที่ 2 ถือว่าเป็นโลว์ซีซันของธุรกิจทำให้ผลงานของเราลดลงไปบ้าง แต่ในช่วงครึ่งปีหลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน ทำให้บริษัทรับรู้รายได้จากงานในมือที่ Backlog & High Potential ภายในปีนี้ โดยงานดังกล่าวมีมาร์จิ้นราว 70% ทำให้ตัวเลขผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้น ซึ่งก็เป็นผลจากการที่เราขยายการรับงานไปยังพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านพลังงานทั่วโลก รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแนวทางหลักในการเติบโตของเราในอนาคต” นางมัลลิกากล่าว