อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป ประเมินภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ไตรมาส 3-4 ปีนี้โตแกร่ง รับปัจจัยหนุนจากโครงการใหม่ทยอยเข้าต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมก่อสร้างภาครัฐที่ขยายตัว ที่สำคัญมีงานในมือตุนไว้แล้วกว่า 1,863.66 ล้านบาท
ดร.พรลภัส ณ ลำพูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (IND) เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาส 3-4/2566 ว่ายังคงมีศักยภาพในการเติบโตและขยายตัวอยู่ในทิศทางที่ดีตามแนวโน้มอุตสาหกรรมการก่อสร้างของภาครัฐและเอกชนที่ฟื้นตัว ปัจจัยหลักมาจากการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาเศรษฐกิจ โครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานอื่นๆ ทำให้เห็นสัญญาณบวกที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทฯ ที่มีโอกาสเข้าร่วมประมูลโครงการออกแบบ และก่อสร้างใหม่ๆ เพิ่มอีกหลายโครงการ อีกทั้งยังมีงานในมือ (Backlog) ที่จะทยอยรับรู้รายได้มูลค่ารวมประมาณ 1,863.66 ล้านบาท (ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2566) ทำให้มั่นใจช่วยสนับสนุนให้รายได้และกำไรสุทธิทั้งปีจะเติบโตอยู่ในทิศทางบวกได้
“ภาพรวมของภาคการก่อสร้างและการลงทุนในครึ่งปีหลังมองว่าจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และความเชื่อมั่นในการลงทุน การใช้จ่ายงบประมาณประจำปีกำลังจะกลับมา โดย IND มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลงานรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมโครงการออกแบบและก่อสร้างใหม่ๆ สอดรับกับการขยายตัวของธุรกิจก่อสร้างทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่มีแนวโน้มขยายตัว ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเน้นรับงานโครงการใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ มีกำไร และลักษณะโครงการที่สอดคล้องกับการบริหารจัดการความเสี่ยง ที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของรายได้และกำไรในอนาคต”
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจตามแผนที่ได้วางไว้ โดยวางเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนงานออกแบบพร้อมก่อสร้าง โดยการขยายฐานลูกค้าจากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเข้าสู่ภาคเอกชนมากขึ้น อีกทั้งยังมีแผนเข้าร่วมประมูลงานในลักษณะ EPCI เพื่อต่อยอดธุรกิจก่อสร้าง รวมถึงขยายสู่กลุ่มประเทศ CLMV เพื่อขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ และสร้างจุดแข็ง สร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันทางธุรกิจให้บริษัทฯ ดังนั้นจึงอยากให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนเชื่อมั่นในทีมผู้บริหารว่ายังคงมุ่งมั่นในการบริหารธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนธุรกิจที่ได้วางไว้ เพื่อให้ผลการดำเนินงานมีความแข็งแกร่งและสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต