PPS เผยทิศทางธุรกิจไตรมาส 3/66 คว้างานจัดจ้างบริหารและควบคุมโครงการ รพ.รามาฯ มูลค่ารวม 346 ล้านบาท พร้อมเพิ่มทุนใน SPP บ.ย่อย ต่อยอดธุรกิจพลังงานสิ่งแวดล้อม แตกไลน์จำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ EV charger ด้าน KANNA กระแสตอบรับดี โครงการอัลตราลักชัวรีวิลล่า ลุ้นปิดการขายแบบใหม่ราคาใหม่เพิ่ม 1 หลังในปีนี้ หลังภูเก็ตบูม รับรัฐบาลใหม่
ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทเซ็นสัญญางานจัดจ้างบริหารและควบคุมโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี มูลค่ารวม 346 ล้านบาท โดย PPS ได้รับสัดส่วนงาน 40% คิดเป็นงานในมือ (Backlog) ที่ 154 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนปี 2567 มี Backlog รวมเป็น 495 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่ม Healthcare 44% และกลุ่ม Commercial 37% ตามลำดับ
นอกจากนี้ บริษัทได้เพิ่มทุนในบริษัท สะพัฒน์ โปรเจค จำกัด (SPP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อดำเนินธุรกิจพลังงานและสิ่งแวดล้อม ขณะนี้ เริ่มจัดจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ EV charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง รวมถึงการตรวจวัด การวางแผนการลดคาร์บอน และการรับรองคาร์บอนเครดิต เพื่อต่อยอดจากธุรกิจการก่อสร้างอย่างยั่งยืนครบวงจร ตามแผนธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพงานก่อสร้าง ขานรับภาวะโลกร้อนสร้างการเติบโต
ด้านการเป็นตัวแทนจำหน่ายแอปพลิเคชัน KANNA สำหรับงานบริหารและควบคุมการก่อสร้างโครงการกระแสตอบรับดี มีลูกค้าให้ความสนใจสอบถามรายละเอียดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทสามารถปิดการขายและรับรู้รายได้ตามกรอบที่วางไว้
สำหรับโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอัลตราลักชัวรีวิลล่าในที่ดินแหลมยามู จ.ภูเก็ต (Headland Cape Yamu) หลังจากที่วางแผนร่วมออกแบบตกแต่งวิลล่ากับหนึ่งในแบรนด์ระดับโลก เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างภาพลักษณ์ของวิลล่า โดยปรับราคาขายเริ่มต้นที่ 350 ล้านบาท ประกอบกับภาพรวม จ.ภูเก็ตปรับตัวดีขึ้น รับรัฐบาลใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาลูกค้าและมีแนวโน้มปิดการขายได้ 1 หลังภายในปีนี้
ทั้งนี้ ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 บริษัทมีรายได้รวม 207.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 203.31 ล้านบาท จำนวน 4.05 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.99% และมีขาดทุนสุทธิ 5.27 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.51 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทมีกำไรขั้นต้น 50.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 47.16 ล้านบาท จำนวน 3.14 ล้านบาท จากการควบคุมต้นทุนที่ดี
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/2566 บริษัทมีรายได้รวม 105.15 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 106.04 ล้านบาท จำนวน 0.89 ล้านบาท หรือลดลง 0.84% และมีขาดทุนสุทธิ 6.63 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 8.30 ล้านบาท จำนวน 14.93 ล้านบาท