สสว.เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME หรือ SMESI ส.ค. 66 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนเหตุแรงซื้อในประเทศชะลอตัวจากค่าครองชีพผู้บริโภค และต้นทุนของผู้ประกอบการยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่คาดการณ์ปรับตัวดีขึ้นชัดเจนตามแนวโน้มการใช้จ่ายช่วงเทศกาลและฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี รวมถึงความคาดหวังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SME Sentiment Index: SMESI) ประจำเดือนสิงหาคม 2566 เปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่าค่าดัชนี SMESI อยู่ที่ระดับ 51.4 ลดลงจากระดับ 52.0 จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอลง ปริมาณการสั่งซื้อต่อครั้งลดลง ตามภาระค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง กระทบยอดขายและปริมาณการผลิต/บริการเกือบทุกภาคธุรกิจ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ระดับ 55.8 จาก 54.2 โดยปรับขึ้นทุกองค์ประกอบและเพิ่มขึ้นในเกือบทุกภูมิภาคจากความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ เช่น มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน รวมถึงการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลปลายปี
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่น ส.ค. 66 ที่ปรับตัวลดลงสูงสุด ได้แก่ ดัชนีด้านปริมาณการผลิต/การค้า/การบริการ อยู่ที่ระดับ 56.9 จากระดับ 59.0 รองลงมา ได้แก่ ด้านกำไร อยู่ที่ระดับ 51.7 จากระดับ 53.6 ด้านคำสั่งซื้อโดยรวม อยู่ที่ระดับ 60.7 จากระดับ 62.1 ด้านการจ้างงาน อยู่ที่ระดับ 50.4 จากระดับ 50.8 และด้านการลงทุนโดยรวมลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 52.8 จากระดับ 53.1 ขณะที่ด้านต้นทุนปรับตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่ระดับ 35.7 จากระดับ 33.3 ตามลำดับ โดยค่าดัชนีฯ เกือบทุกองค์ประกอบยังคงอยู่สูงกว่าค่าฐานที่ 50 ค่อนข้างมาก ยกเว้นด้านต้นทุนที่ยังคงอยู่ต่ำกว่าค่าฐาน ที่แม้ว่ามีแนวโน้มดีขึ้นในกลุ่มวัตถุดิบอาหารและเนื้อสัตว์ แต่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังคงระดับสูง
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณารายภาคธุรกิจ พบว่า ภาคธุรกิจสำคัญชะลอตัวลงทั้งหมด จากผลกระทบของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะภาคการผลิต มีค่าดัชนี SMESI ลดลงมากสุดอยู่ที่ 50.0 จากระดับ 51.1 ซึ่งปรับตัวลดลงในเกือบทุกสาขา ผลจากต้นทุนการขนส่งและกำลังซื้อที่ชะลอตัว ประกอบกับความกังวลด้านต้นทุนค่าแรงงานที่อาจเพิ่มขึ้น รองลงมา ภาคธุรกิจการเกษตร อยู่ที่ระดับ 54.8 จากระดับ 55.5 ชะลอตัวลงในหลายประเภทสินค้า จากปริมาณการผลิตที่ลดลงและสินค้าเกษตรหลายชนิดมีราคาตกต่ำ เช่น ยางพารา มังคุด รวมถึงสินค้าประมง
ภาคการบริการ อยู่ที่ระดับ 53.1 จากระดับ 53.7 ชะลอตัวลงเกือบทุกกิจกรรมบริการแม้แต่กิจกรรมการท่องเที่ยวบางสาขา ผลจากกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง รวมถึงสภาพอากาศที่ไม่เอื้อต่อกิจกรรมบริการบางประเภท เช่น การก่อสร้างหรือกิจกรรมสันทนาการกลางแจ้ง และภาคการค้า ปรับตัวลดลงเล็กน้อย อยู่ที่ระดับ 49.9 จากระดับ 50.0 ชะลอตัวลงทั้งค้าส่งและค้าปลีกในหลายพื้นที่ แต่ในเขตกรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญยังได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวช่วยพยุงกำลังซื้อ รวมถึงธุรกิจร้านขายจักรยานยนต์และร้านซ่อมที่ยังพอขยายตัวได้
"ดัชนี SMESI รายภูมิภาคเดือน ส.ค. 66 เองก็สะท้อนให้เห็นผลกระทบจากแรงซื้อที่ลดลงและท่องเที่ยวซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนและภาคเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งบางส่วนทำให้เกือบทุกภูมิภาคค่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลง โดยภาคกลางปรับลดมากที่สุด อยู่ที่ระดับ 52.1 จากระดับ 53.0 รองลงมา ภาคเหนือ ปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 53.5 จากระดับ 55.2 ภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 53.9 จากระดับ 54.8 ภาคตะวันออก ปรับลดลงอยู่ที่ระดับ 49.1 จากระดับ 49.3 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 48.8 จากระดับ 49.3" นายวีระพงศ์กล่าว