xs
xsm
sm
md
lg

บ้านปูทุ่มงบลงทุนปี66-68แตะ2พันล.ดอลล์เน้นพลังงานหมุนเวียน-เทคโนโลยีพลังงาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บ้านปูทุ่มงบลงทุนปี 2566-68แตะ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เน้นพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงาน ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3/66 ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุราคาถ่านหินอ่อนตัวลงจาก400เหรียญสหรัฐ/ตันมาอยู่ที่ 168เหรียญสหรัฐ/ตัน จับตาไตรมาส4 นี้ราคาถ่านหินส่อแววขยับขึ้น 

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)( BANPU) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุน ปี2566-68ประมาณ2,000ล้านบาท เน้นลงทุนพลังงานสะอาด เทคโนโลยีพลังงาน โครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS)สร้างมูลค่าให้ได้มากขึ้น รวมทั้งศึกษาการนำแอมโมเนีย และไฮโดรเจนมาผสมเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าทำให้เป็นไฟฟ้าพลังงานสะอาด 
อย่างไรก็ดี บริษัทจะไม่มีแผนการขยายการลงทุนธุรกิจถ่านหินเพิ่มเติม แต่เนื่องจากธุรกิจถ่านหินสร้างกระแสเงินสดให้บ้านปูเพื่อนำไปลงทุนธุรกิจใหม่ ซึ่งขณะนี้ราคาถ่านหินอยู่ในระดับ 168 เหรียญสหรัฐ/ตัน เป็นระดับราคาที่ต่ำกว่าปีก่อนที่เคยอยู่ระดับ400เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่เป็นระดับที่มีกำไรอยู่ ดังนั้นแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2566 คาดว่าจะต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4 นี้คาดว่าจะปรับสูงขึ้นตามฤดูกาล ซึ่งราคาถ่านหินได้ปรับขึ้นมา 1-3เหรียญสหรัฐ/ตันในช่วง 3สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส4 ปีนี้ดีกว่าช่วงต้นปีนี้ ซึ่งปี2566บ้านปูตั้งเป้าผลิตและจำหน่ายถ่านหินอยู่ที่ 42ล้านตัน  

 


นางสมฤดี กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการต่อยอดสู่ธุรกิจ Strategic Minerals มุ่งเน้นแร่แห่งอนาคตที่จะเป็นทรัพยากรต้นทางของโซลูชันพลังงานสะอาด เช่นแร่ลิเทียม ทองแดง และนิเกิล โดนศึกษาการลงทุนในสปป.ลาว อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย

ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ มีสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศยุทธศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันบ้านปูเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 20 อันดับแรกในสหรัฐฯ ด้วยกำลังผลิตประมาณ 890 ล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่าต่อวัน โดยมีเป้าหมายในอนาคตคือการขยายพอร์ตธุรกิจทั้งต้นน้ำและกลางน้ำ ตั้งแต่แหล่งก๊าซ ระบบแยก อัดก๊าซ จนถึงท่อขนส่งก๊าซ คู่ขนานไปกับการเร่งพัฒนาโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 3 โครงการ ได้แก่โครงการ Barnett Zero (บาร์เนตต์ ซีโร่) โครงการ Cotton Cove (คอตตอน โคฟ) และโครงการ “High West (ไฮเวสต์)”

รวมทั้งเป็นโอกาสสร้างรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตในอนาคตโดยบริษัทลูกในสหรัฐฯ ตั้งเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน สำหรับ scope 1 และ 2 ราวปี ค.ศ. 2025 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero) สำหรับการปล่อยมลสารจากธุรกิจต้นน้ำ scope 3 ภายในทศวรรษ 2030


สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้า บริษัทวางเป้าหมายขยายกำลังผลิตให้ได้ 6,100 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 จากปัจจุบันกำลังผลิตไฟฟ้ารวมทั้งหมด 4,974 เมกะวัตต์ โดยจะเร่งขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจในโรงไฟฟ้าพลังงานที่สะอาดขึ้น ทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี HELE และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และล่าสุด เข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II ในรัฐเท็กซัส เป็นการสร้างคุณค่าจากการผสานพลังกับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ที่มีอยู่เดิม เสริมความแกร่งให้กับห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจของบ้านปูในสหรัฐฯ


นอกจากนี้ ยังได้เริ่มต้นธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐฯ ผ่านโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ปัจจุบัน ธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบ้านปูมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวมทั้งหมด 4,974 เมกะวัตต์ ซึ่งมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน 4,008 เมกะวัตต์ และจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 966 เมกะวัตต์ ใน 8 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก


ธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน วางเป้าหมายปี 2568 ตั้งเป้าธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาและทุ่นลอยน้ำกำลังผลิตรวม 500 เมกะวัตต์ ธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน ตั้งเป้ากำลังผลิต 4 กิกะวัตต์ชั่วโมง ธุรกิจพัฒนาเมืองอัจฉริยะและจัดการพลังงาน จำนวน 60 โครงการ


ขณะที่ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าตั้งเป้ากำลังซื้อขายไฟฟ้า 2,000 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี และธุรกิจอี-โมบิลิตี้ ตั้งเป้าขยายการให้บริการระบบสัญจรทางเลือกแบบครบวงจรในรูปแบบ Mobility as a Service (MaaS) ทั้งบริการ Ride Sharing, Car Sharing, EV Charger Management และ EV Fleet Management โดยการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ โดยเน้นขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น นำเอาดิจิทัลโซลูชันมาผสมผสานเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ และขยายการลงทุนสู่พันธมิตรใหม่ ขณะเดียวกัน ยังคงนำเสนอโซลูชันด้านพลังงานสะอาดใหม่ ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจ ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

ทั้งนี้ บ้านปูได้จัดตั้ง หน่วยงาน Corporate Venture Capital เพื่อดูแลการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve ที่จะช่วยเร่งการเติบโตตามกลยุทธ์ Greener & Smarter และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจที่มีอยู่และระบบนิเวศของกลุ่มบ้านปู หน่วยงานนี้จะเน้นการผสานคุณค่าร่วมให้กับธุรกิจที่มีอยู่เดิม (Synergistic Value) ให้น้ำหนักกับการเลือกธุรกิจที่มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี มีความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมาได้ลงทุนในกองทุนต่าง ๆ เช่น กองทุน Warburg Pincus ที่จะช่วยส่งเสริมการเติบโตของบ้านปู เน็กซ์ (Banpu NEXT) ในการขยายธุรกิจพลังงานสะอาดในต่างประเทศ กองทุน Heyokha Makha ที่จะส่งเสริมการทำโครงการเหมืองแร่แห่งอนาคต และกองทุน Smart City ของ Eurazeo ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานสะอาด ยานยนต์อัจฉริยะ และเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรม รวมถึงการลงทุนในสตาร์ทอัพ AirCarbon Exchange (ACX) แพลตฟอร์มการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตในระดับโลก


กำลังโหลดความคิดเห็น