xs
xsm
sm
md
lg

AMATA ลั่น H2/66 มีผลดำเนินงานดีกว่าครึ่งปีแรก “วิกรม” แนะฟื้นโทษประหารขจัดมิจฉาชีพไซเบอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



AMATA ลั่นครึ่งหลังปี 2566 มีผลประกอบการดีกว่าครึ่งปีแรก มาจากยอดขายที่ดินในนิคมฯ ที่เพิ่มขึ้นและมีนโยบายลดต้นทุนลง หลังจีนแห่ลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถอีวีในไทย “วิกรม” จี้รัฐบาลใหม่เข้มแก้ไขปัญหามิจฉาชีพไซเบอร์ที่แอบอ้างชื่อหลอกลวงประชาชนต้องสูญเงินจำนวนมาก แนะกำหนดบทลงโทษสูงสุดประหารชีวิต และร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งจีนแก้ปัญหาเด็ดขาด

นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA) เปิดเผยผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 2566 ว่า บริษัทฯ คาดว่าจะมีผลดำเนินงานดีขึ้นกว่าครึ่งแรกปี 2566 ที่มีรายได้รวม 3,634 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 805 ล้านบาท เนื่องจากมีการขายที่ดินในนิคมฯ ที่เพิ่มสูงขึ้นจากครึ่งปีแรกนี้มียอดขายที่ดินราว 700 ไร่ โดยนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะจีนได้เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในไทยเพิ่มขึ้น โดยจีนใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตเพื่อส่งออก โดยไทยมีความได้เปรียบด้านชิ้นส่วนอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์ และการสนับสนุนการลงทุนจากภาครัฐ

อีกทั้งบริษัทมีนโยบายเดินหน้าไปสู่นวัตกรรมใหม่ไม่ใช่เป็นแบบเดิม เช่นนิคมฯ ไฮเทค รวมทั้งลดต้นทุนโดยมีการปรับปรุงบริหารจัดการและลดต้นทุนต่างๆลง ทำให้มั่นใจว่าปี 2566 บริษัทมีผลดำเนินงานเติบโตสูงกว่าปีก่อนแน่นอน


นายวิกรมกล่าวถึงกรณีที่ตน และบมจ.อมตะ ถูกมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อหลอกให้ประชาชนหลงเชื่อลงทุนผ่านระบบออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก และไลน์ โดยใช้วิธีจูงใจให้ผลตอบแทนสูงในระยะสั้น ทำให้ประชาชนสูญเสียทรัพย์สินและเงินทองมูลค่าสูงหลักพันล้านบาทว่า แม้จะมีการปราบปรามและจับกุมผู้กระทำผิดไปแล้วหลายครั้งตั้งแต่ปี 2565-2566 แต่สถานการณ์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย บริษัทฯ ไม่หยุดนิ่งที่จะดำเนินการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและตลาดหลักทรัพย์ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารและเกิดความระมัดระวังในการลงทุน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีแผนที่จะดำเนินการต่อผู้กระทำผิดโดยการยึดทรัพย์มูลค่า 600 ล้านบาท เพื่อมาเฉลี่ยทรัพย์ที่ตรวจยึดคืนแก่ผู้เสียหายบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้เสียหายในเบื้องต้น

อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้รัฐบาลชุดใหม่เพิ่มความเข้มข้นในการจัดการปัญหาดังกล่าวอย่างเด็ดขาดหลังสถานการณ์การหลอกลวงประชาชนไม่ได้ลดลงแต่กลับบานปลายมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน สร้างความเสียหายด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลควรประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความตระหนักรู้ถึงการหลอกลวงอย่างสม่ำเสมอ และออกกำหนดบทลงโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน เชื่อว่าจะแก้ปัญหากลุ่มมิจฉาชีพให้ไม่กล้ากระทำผิด เบื้องต้นนำมาตรฐานบทลงโทษอ้างอิงในต่างประเทศมาปรับใช้

รวมทั้งต้องมีความร่วมมือกับประเทศที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งจีน ไต้หวัน ซึ่งพบว่าตัวการหลักกลุ่มมิจฉาชีพมาจากประเทศจีนนี้เป็นหลัก รวมทั้งร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นที่พักพิงของกลุ่มมิจฉาชีพไซเบอร์ เช่น เมียนมา กัมพูชา ฯลฯ โดยกลุ่มมิจฉาชีพที่จับได้ให้จับกุมได้แล้วส่งตัวไปยังประเทศจีนซึ่งเขามีบทลงโทษที่รุนแรง นับเป็นการทำงานร่วมกันอย่างจริงจังเพื่อปราบปรามปัญหาภัยไซเบอร์อย่างจริงจังและเด็ดขาด

นายวิกรมกล่าวยืนยันว่า อมตะไม่มีนโยบายเชิญชวนใครมาลงทุนทั้งสิ้น ในชีวิตตนมีการชวนคนมาลงทุนถือหุ้นเพียง 10 คนเท่านั้นในช่วงเริ่มแรกที่ตั้ง AMATA นอกจากนั้นตลาดหลักทรัพย์เองก็ไม่ได้ชวนใครมาลงทุน อีกทั้งผลตอบแทนก็ไม่ได้สูงเหมือนที่กลุ่มมิจฉาชีพหลอกชักชวนด้วย จึงอยากให้ประชาชนใช้วิจารณญาณเช็กข้อมูลอย่างชัดเจนก่อนลงทุน และอย่าหลงเชื่อเพจปลอมเหล่านี้


กำลังโหลดความคิดเห็น