สสว.เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) เดือนกรกฎาคม 2566 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน ทั้งค่าปัจจุบันและคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ และคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SME Sentiment Index: SMESI) ประจำเดือนกรกฎาคม 2566 เปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่าค่าดัชนี SMESI อยู่ที่ระดับ 52.0 เพิ่มขึ้นจากระดับ 50.9 ซึ่งปรับตัวดีขึ้นในเกือบทุกภาคธุรกิจสำคัญ ยกเว้นภาคการผลิตที่ชะลอตัวจากกังวลต้นทุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูง โดยปัจจัยหลักมาจากการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้นจากภาคการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างชาติที่เข้ามาต่อเนื่องส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 54.2 จาก 52.2
"SMESI 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวที่จะมีต่อเนื่องและเริ่มเข้าสู่ไฮซีซันและเงินเฟ้อที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัวในระดับต่ำต่อเนื่อง ประกอบกับผู้ประกอบการคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากว่าที่รัฐบาลใหม่ อย่างไรก็ตาม ทุกภาคธุรกิจก็ยังคงกังวลต่อต้นทุนการขนส่งสินค้าเพราะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น" นายวีระพงศ์กล่าว
เมื่อพิจารณารายภาคธุรกิจ พบว่าภาคการค้ามีค่าดัชนี SMESI เพิ่มขึ้นสูงสุดอยู่ที่ 50.0 จากระดับ 47.4 โดยเฉพาะการค้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งการค้าปลีกและการค้าส่งปรับตัวดีขึ้น รองลงมาคือ ภาคการบริการ อยู่ที่ระดับ 53.7 จากระดับ 52.8 เพิ่มขึ้นจากธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวขยายตัวในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง ภาคธุรกิจการเกษตร อยู่ที่ระดับ 55.5 จากระดับ 53.2 ขยายตัวในหลายพื้นที่ ทั้งการทำกสิกรรม รวมถึงการทำประมง เนื่องจากยังเป็นฤดูกาลเพาะปลูก
ส่วนภาคการผลิต ซึ่งค่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 51.1 จากระดับ 51.5 สาเหตุจากความกังวลด้านต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสำคัญ โดยเฉพาะสาขาที่มีต้นทุนการขนส่งสูง เช่น ผลิตไม้ ผลิตโลหะที่กำลังเผชิญกับราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับผลสำรวจผู้ประกอบการ SME สิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือมากที่สุดในเดือนนี้ คือ การกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยและกลุ่มธุรกิจภาคการค้า เช่น เงินสนับสนุนเพื่อเพิ่มกำลังซื้อ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ส่วนผู้ประกอบการขนาดย่อมและขนาดกลางต้องการให้ดูแลด้านต้นทุนและค่าใช้จ่าย เช่น การควบคุมราคาสินค้าหรือวัตถุดิบ และการควบคุมค่าน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
