xs
xsm
sm
md
lg

ราช กรุ๊ปกำไร 6 เดือนแรก 3.57 พันล้าน ชี้ 6 โรงไฟฟ้าใหม่หนุน EBITDA โตขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ราช กรุ๊ป เผยกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 3,573 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,775 ล้านบาท โดยบริษัทฯ รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าที่เข้าซื้อกิจการเมื่อปลายปีที่ผ่านมาจำนวน 6 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 450.5 เมกะวัตต์ เสริมส่งให้ EBITDA เติบโตขึ้นร้อยละ 11.8 เป็นจำนวน 7,798 ล้านบาท  

นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 3,573 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,775 ล้านบาท และหากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรในรอบนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2565 โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 30,137 ล้านบาท มาจากกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้าจำนวน 29,035 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 96 ของรายได้รวม ประกอบด้วย รายได้ของโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล จำนวน 25,223 ล้านบาท (ร้อยละ 87) และรายได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน จำนวน 3,812 ล้านบาท (ร้อยละ 13) ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Non-Power มีรายได้เติบโตเป็นจำนวน 1,102 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4 ของรายได้รวม  


ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากสินทรัพย์โรงไฟฟ้าที่ลงทุนใหม่ได้เข้าช่วยเสริมหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าราช เอ็นเนอร์จี ระยอง ซึ่งรับรู้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 49.98 เมกะวัตต์ ทำให้กำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมเป็น 98 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าในออสเตรเลีย 3 แห่ง ได้แก่ พลังงานลมลินคอล์น แก็ป 1&2 กำลังผลิตติดตั้งรวม 212 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้า สแนปเปอร์ พอยท์ กำลังการผลิตติดตั้ง 154 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าในเวียดนาม 2 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าพลังน้ำค๊อคซาน กำลังการผลิตติดตั้ง 17.37 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำซ็องเกียง 2 กำลังผลิตติดตั้ง 17.10 เมกะวัตต์ รวมทั้งกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ยังมีกำไรดีขึ้นอันเป็นผลจากการปรับค่าไฟฟ้าผันแปร ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตขึ้นร้อยละ 11.8 เป็นจำนวน 7,798 ล้านบาท

“เป้าหมายการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ มุ่งเน้นที่การเข้าซื้อโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์แล้วและมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่แน่นอนเพื่อสร้างความมั่นคงของรายได้ทดแทนรายได้ของโรงไฟฟ้าที่จะครบอายุสัญญา ซึ่งโรงไฟฟ้าที่บริษัทฯ เข้าซื้อกิจการเมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้เริ่มให้ผลตอบแทนแล้วในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา ซึ่งทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 จนถึงปี 2576 มีกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 2,659.31 เมกะวัตต์ อีกทั้งยังจะขยายการลงทุนในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตและความมั่นคงของบริษัทฯ ในระยะยาว” นางสาวชูศรีกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น