xs
xsm
sm
md
lg

สศอ.เผยศก.โลกชะลอฉุดMPI 6 เดือนแรกลด 4.60 %เตรียมทบทวนตัวเลขทั้งปีใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สศอ. เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมิถุนายน ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 92.53 ลดลง 5.24% ส่งผลให้6เดือนแรกเฉลี่ยอยู่ที่ 95.73 ลดลง4.60% รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แม้การบริโภคภายในประเทศยังขยายตัวจากการท่องเที่ยวฟื้น  เตรียมทบทวนตัวเลข MPI ปี'66ใหม่ตามทิศทางศก.โลกในเดือนส.ค.รับอยู่ในแดนติดลบแน่นอน

นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)
เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมิถุนายน ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 92.53 ลดลงร้อยละ 5.24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 59.12 ด้าน MPI ไตรมาส 2 ปี 2556 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 90.14 ลดลงร้อยละ 5.59 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสำคัญจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังคงชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ยังคงอ่อนแอ รวมถึงรายได้เกษตรกรในเดือนมิถุนายน 2566 ลดลงร้อยละ 5.99 หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน สะท้อนกำลังซื้อจากภาคเกษตรที่ยังคงเปราะบาง อย่างไรก็ดี การขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว ยังคงทำให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ น้ำตาล ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ เครื่องปรุงรส เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สุรา กาแฟ

สำหรับดัชนี MPI 6 เดือนแรก ปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 95.73 ลดลงร้อยละ 4.60 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอัตราการใช้กำลังการผลิต 6 เดือนแรกปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 60.72 อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่ยังคงขยายตัวในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ยานยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.23 จากการผลิตรถยนต์นั่งเป็นหลัก รวมทั้งตลาดส่งออกยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง น้ำตาล ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.76 เนื่องจากปีนี้มีปริมาณอ้อยเข้าหีบมากกว่าปีก่อน ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.88 เป็นผลจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ น้ำมันปาล์ม ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.61 เนื่องจากความต้องการใช้ที่มากขึ้นในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และจักรยานยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.96 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ


“ อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ที่สำคัญของโลก การส่งออกรถจักรยานยนต์ของไทย เป็นอันดับ 4 ของโลก มีมูลค่าการส่งออก 2,974 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยตลาดส่งออกหลัก 5 อันดับแรก คือ เบลเยี่ยม จีน สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนที่ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต ได้แก่ ตลาดในประเทศมีขนาดใหญ่ มีกําลังซื้ออย่างต่อเนื่อง นโยบายการส่งเสริมการลงทุน โดยให้การส่งเสริมการลงทุนประเภทกิจการรถจักรยานยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบมากกว่า 248 ซีซี. ของบริษัทรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ของต่างชาติที่เข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทย นอกจากนี้ ประเทศไทยมี Supply Chain ตลอดห่วงโซ่ และแรงงานในประเทศที่มีทักษะฝีมือในด้านการผลิต และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีการคาดการณ์ ในปี 2566 ว่าจะมีการผลิตรถจักรยานยนต์ 2,100,000 คัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1,750,000 คัน และผลิตเพื่อการส่งออก 350,000 คัน” นางวรวรรณ กล่าว


สำหรับMPI ทั้งปีที่เดิมสศอ.มีการคาดการณ์เอาไว้ที่จะเติบโต0-1% คงจะต้องปรับตัวเลขคาดการณ์ใหม่เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวทำให้คำสั่งซื้อต่างๆลดลงกระทบต่อการส่งออกอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับผลกระทบการเมืองที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลส่งผลต่อนโยบายบางส่วนที่จะนำมากระตุ้นภาคการผลิตอาทิมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าEV3.5 ฯลฯต้องรอการตัดสินใจจากรัฐบาลใหม่จึงทำให้ขาดความต่อเนื่องดังนั้นภาพรวมMPI ทั้งปี 2566จึงอยู่ในโซนติดลบแน่นอนแต่จะเป็นตัวเลขใดนั้นจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนส.ค.
กำลังโหลดความคิดเห็น