xs
xsm
sm
md
lg

สศอ. เผยดัชนี MPI เดือน พ.ค. 2566 หดตัว 3.14% ตามทิศทางส่งออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤษภาคม ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 94.80 ลดลง 3.14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ชี้การหดตัวเริ่มมีสัญญาณชะลอลงจากเดือนก่อน หลังการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวเล็กน้อยรับการท่องเที่ยวฟื้น หนุนความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่ม และการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น 17.54 % พร้อมแนะอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มหันมาผลิตผ้าคุณสมบัติพิเศษ หวังเพิ่มศักยภาพการส่งออก


นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤษภาคม ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 94.80 ลดลงร้อยละ 3.14 โดยเป็นการปรับลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ขยายตัวร้อยละ 14.23 ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 60.20 และช่วง 5 เดือนแรก ปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 61.04 ส่งผลให้ดัชนี MPI 5 เดือนแรก ปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 96.36 ลดลงร้อยละ 4.49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลต่อความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ น้ำตาล เนื้อไก่แช่แข็งและแช่เย็น เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และเนื้อสัตว์ปีก เครื่องปรุงรส น้ำมันปาล์ม ผลิตภัณฑ์นม สุรา ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ และกาแฟ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากการผลิตรถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.1 และรถยนต์กระบะ 1 ตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.9 จากการส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.30 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นในรถยนต์ทุกประเภท

สศอ. ได้คาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือนมิถุนายน ปี 2566 “ส่งสัญญาณเฝ้าระวัง” โดยมีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวจากการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงเศรษฐกิจของคู่ค้าหลักอย่างประเทศจีนและญี่ปุ่นมีแนวโน้มการฟื้นตัว ขณะที่ การส่งออกที่หดตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ประกอบกับความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและงบประมาณปี 2567 อีกทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีโอกาสรุนแรงขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ ต้องติดตามปรากฏการณ์เอลนีโญที่จะส่งผลทำให้ปริมาณฝนของประเทศไทยมีแนวโน้มจะต่ำกว่าค่าปกติ และมีผลต่อวัตถุดิบในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร

ทั้งนี้ประเด็นที่น่าติดตามในช่วงนี้ คือ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งได้รับโอกาสจากวิกฤติโควิด-19 แม้ภาพรวมของการผลิตและการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจะซบเซา แต่อุตสาหกรรมสิ่งทอ ชนิดพิเศษกลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้ประกอบการจะปรับเปลี่ยนการดำเนินงาน โดยเจาะกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าสูงและมีโอกาสเติบโต เพื่อผลักดันให้ "ผ้าคุณสมบัติพิเศษ" ที่เป็นด้าย หรือผ้าที่มีคุณสมบัติกันน้ำ ทนไฟ และกรองเชื้อโรค เป็น "Product Champion" สามารถต่อยอดเป็นวัสดุและชิ้นส่วนประกอบที่สำคัญในอุปกรณ์ทางการแพทย์และสุขภาพอื่น ๆ ช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้า เน้นการใช้วัตถุดิบหรือสินค้าที่ผลิตในประเทศ และส่งเสริมนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรม New S-Curve ทางด้าน Medical Technology ของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นและผลักดันการผลิตสิ่งทอเทคนิคที่มีคุณสมบัติพิเศษตลอด Supply Chain เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มศักยภาพในการส่งออกให้กับอุตสาหกรรม สิ่งทอและเครื่องนุ่มห่มไทย” นางวรวรรณ กล่าว

 


สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตในเดือนพฤษภาคม 2566 เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ยานยนต์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 17.54 จากรถปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็กและขนาดกลาง เป็นหลัก ตามการขยายตัวของตลาดส่งออก เครื่องจักรอื่นๆ ที่ใช้งานทั่วไป (เครื่องปรับอากาศ) ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.57 เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัดต่อเนื่องทั้งในประเทศและประเทศคู่ค้า ส่งผลให้มีความต้องการใช้สินค้ามากขึ้น

น้ำตาล ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 31.14 จากผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ เป็นหลัก เนื่องจากมีการทยอยปิดหีบตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา จึงทำให้สามารถละลายน้ำตาลทรายดิบได้เร็วขึ้น ประกอบกับผลผลิตน้ำตาลปีนี้มากกว่าปีก่อน จักรยานยนต์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 22.11 เนื่องจากการขยายตัวของตลาดในประเทศและตลาดส่งออก โดยตลาดในประเทศได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัวตามอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการส่งออกเพิ่มขึ้นตามคำสั่งของประเทศคู่ค้า

พลาสติกและยางสังเคราะห์ขั้นต้น ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.98 จากผลิตภัณฑ์ Polyethylene resin, Ethylene และ Polypropylene resin เป็นหลัก เนื่องจากในปีก่อนมีการหยุดซ่อมบำรุงของผู้ผลิตบางราย และมีการขยายกำลังการผลิตของผู้ผลิตบางรายในปีนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น