xs
xsm
sm
md
lg

“เบทาโกร” ทุ่ม 100 ล้านดัน S-Pure เร่งบุกตลาดอาหารซูเปอร์พรีเมียม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - เบทาโกรทุ่มงบ 100 ล้านเปิดตัว S-Pure กับผลิตภัณฑ์หลากหลายในแพกเกจจิ้งโฉมใหม่ “รักษ์โลก” มุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและมีไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตเพื่อการมีสุขภาพดี ปักธงยอดขายโต 17% หรือมากกว่า 29,000 ล้านบาท ตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดอาหารซูเปอร์พรีเมียมที่มีแชร์มากกว่า 50%


ดร.โอลิเวอร์ ก็อตชัลล์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดเผยว่า ในปี 2566 คาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดอาหารจะมีมูลค่า 887,305 ล้านบาท โต 6% ขณะที่กลุ่มอาหารซูเปอร์พรีเมียมมีสัดส่วน 7.3% คิดเป็นมูลค่า 57,100 ล้านบาท เป็นกลุ่มที่เติบโตสูงสุดราว 17%

โดยมีปัจจัยมาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ซื้อเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงเศรษฐกิจฟื้นตัวโดยเฉพาะจากการท่องเที่ยว เทรนด์ผู้บริโภคเปลี่ยนใส่ใจสุขภาพมากขึ้น สั่งอาหารออนไลน์เติบโต ผู้บริโภคหันมาทำอาหารเองมากขึ้น เลือกวัตถุดิบพรีเมียมมากขึ้น รวมถึงใส่ใจเรื่องความยั่งยืน


อย่างไรก็ตาม เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดอาหารซูเปอร์พรีเมียม ล่าสุดทางบริษัททุ่มงบ 100 ล้านบาทเปิดตัวแคมเปญการตลาดใหม่ของ S-Pure พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ "S-Pure Prime" เนื้อสัตว์แปรรูปสไตล์โฮมเมด ประกอบด้วย ไส้กรอกเวียนนา, เบคอนหมูรมควัน, พอร์กลอยน์แฮมรมควัน, โบโลญญาหมู และโบโลญญาไก่ ที่ถูกรังสรรค์ความอร่อยจากธรรมชาติอย่างพิถีพิถัน ปราศจากการแต่งเติมสารเคมี รวมถึงสารปรุงแต่ง สารกันบูด ผงชูรส วัตถุเจือปนอาหาร และยังใช้วัตถุดิบจากเนื้อหมู เนื้อไก่ S-Pure 100% นับเป็นผลิตภัณฑ์ “อาหารฉลากสะอาด (Clean Label) รายแรกในประเทศไทย

การเปิดตัวแคมเปญ S-Pure ในครั้งนี้จึงไม่เพียงตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดอาหารซูเปอร์พรีเมียม ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนดำเนินชีวิตด้วยการดูแลสุขภาพด้วยวิธีง่ายๆ อย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อคุณภาพชีวิตของทุกคนที่ยั่งยืน ตอกย้ำจุดแข็งของเบทาโกรในฐานะผู้ผลิตอาหารที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยในระดับสูงสุด คาดว่ายอดขาย S-Pure จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันยอดขายของเบทาโกรให้เติบโตตามเป้าหมายเพื่อก้าวสู่แบรนด์ธุรกิจอาหารชั้นนำระดับโลกต่อไป


ปีนี้ S- Pure ตั้งเป้ายอดขายโตมากกว่า 17% หรือต้องโตมากกว่าตลาด ซึ่งธุรกิจกลุ่มฟูดเป็นธุรกิจสำคัญที่สร้างรายได้ให้เบทาโกร หรือช่วยให้เบทาโกรมีรายได้รวมถึง 113,877 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา

นายโอลิเวอร์กล่าวด้วยว่า ตลาดอาหารซูเปอร์พรีเมียมมีผู้เล่นหลักๆ อยู่ 3-4 แบรนด์ แต่เนื่องจากเทรนด์ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญต่อวัตถุดิบอาหารที่พรีเมียมมากขึ้น เชื่อว่าจะทำให้มีแบรนด์ใหม่ๆ สนใจเข้ามาในตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง แต่มองว่าการที่จะทำได้นั้นค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่จะทำได้ในสเกลเล็กๆ จำหน่ายเฉพาะกลุ่มหรือมีจำหน่ายน้อย การจะทำสเกลใหญ่อาจจะยาก โดยการสร้างแบรนด์และช่องทางจำหน่ายที่เข้าถึงกลุ่มแมสอาจจะทำได้ยากจากเจ้าตลาดที่มีอยู่แล้ว 3-4 ราย

















กำลังโหลดความคิดเห็น