“ชัยวัฒน์” บิ๊กบางจาก ขอเวลาพิจารณาคำสั่ง กขค. เงื่อนไขอนุมัติให้บางจากควบรวมเอสโซ่ ก่อนตัดสินใจสรุปยื่นอุทธรณ์หรือไม่ ยันยังอยู่ในช่วงไทม์ไลน์ที่กำหนดปิดดีลเอสโซ่ภายในปลายปีนี้ ยันไม่ล้มดีลควบรวมเอสโซ่แน่นอน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณา 6 เงื่อนไขอย่างละเอียดตามที่คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ได้กำหนดระยะเวลาและเงื่อนไขประกอบการอนุญาตให้รวมธุรกิจระหว่าง BCP กับบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการรวมธุรกิจ โดย BCP ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมวิเคราะห์คำสั่งและปรึกษาหารือก่อนจะมีข้อสรุป ซึ่งจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง
หากบริษัทไม่เห็นด้วยกับคำสั่งและเงื่อนไขของ กขค.ก็สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองภายใน 60 วันนับจากวันที่ได้รับคำสั่ง ซึ่งก็ยังอยู่ในช่วงกำหนดเวลาที่บริษัทตั้งเป้าไว้ว่าดีลซื้อเอสโซ่จะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ยืนยันว่าไม่ล้มดีลซื้อ ESSO แน่นอน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) พิจารณาคำขออนุญาตรวมธุรกิจระหว่างบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BCP) กับบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ESSO) โดยคำนึงถึงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ตามมาตรา 52 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 แล้ว เห็นว่าการรวมธุรกิจดังกล่าวมีความจำเป็นตามควรทางธุรกิจและเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม การรวมธุรกิจดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม รวมทั้งห่วงโซ่อุปทาน เนื่องจากการรวมธุรกิจดังกล่าวส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อโครงสร้างตลาดโรงกลั่นน้ำมัน ตลาดการค้าส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และตลาดการค้าปลีกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมผ่านสถานีบริการ ทำให้การกระจุกตัวของตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นการลดการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่ถึงระดับที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง จึงเห็นควรอนุญาตให้รวมธุรกิจระหว่างบางจากกับเอสโซ่
สำหรับเงื่อนไขที่ กขค.กำหนดมี 6 ข้อ คือ 1. ห้ามมิให้บางจากฯ เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของหน่วยงานภาครัฐ เป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ เว้นแต่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
2. ให้บางจากฯ จัดซื้อน้ำมันดิบจากคู่ค้ารายใดรายหนึ่งไม่เกินกว่าร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันดิบจากรายใดรายหนึ่งมากเกินไป ซึ่งอาจเสี่ยงต่อความมั่นคงทางพลังงาน เว้นแต่เป็นการจัดซื้อน้ำมันดิบจากผู้ประกอบธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กันทางนโยบายหรืออำนาจสั่งการของบางจาก
3. ให้บางจากฯ คงไว้ซึ่งเงื่อนไขของสัญญาและข้อตกลงระหว่างลูกค้าในตลาดค้าส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ได้ทำไว้กับบริษัท เอสโซ่ จนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลาตามเงื่อนไขในสัญญาเดิม
ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัญญาและข้อตกลง ต้องได้รับความยินยอมล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรจากลูกค้าในตลาดค้าส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมรายนั้นด้วย
4. ให้บางจากฯ คงไว้ซึ่งเงื่อนไขของสัญญาและข้อตกลงระหว่างผู้ประกอบธุรกิจสถานีบริการภายนอกของแบรนด์ ESSO ที่ได้ทำไว้กับบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลาตามเงื่อนไขในสัญญาเดิม ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัญญาและข้อตกลง ต้องได้รับความยินยอมล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ประกอบธุรกิจสถานีบริการภายนอกของแบรนด์ ESSO รายนั้นด้วย หากผู้ประกอบธุรกิจสถานีบริการภายนอกของแบรนด์ ESSO มีข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ว่าได้รับผลกระทบจากการรวมธุรกิจดังกล่าวสามารถใช้เป็นเหตุผลในการบอกเลิกสัญญาได้ โดยต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าภายใน 90 วัน นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ
5. ให้บางจากฯ จัดทำแผนการพัฒนานวัตกรรม
ด้านสิ่งแวดล้อมและธุรกิจพลังงานสีเขียว โดยต้องดำเนินโครงการไม่น้อยกว่าในปีที่ผ่านมา และต้องมีงบประมาณในการดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับการส่งเสริมพลังงานสีเขียวและการจัดการสิ่งแวดล้อม ไม่น้อยกว่าในปีที่ผ่านมา ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ
6. ให้บางจากฯ จัดทำแผนการส่งผ่านประโยชน์ที่ได้รับจากการรวมธุรกิจไปสู่ผู้บริโภคและสังคม โดยต้องดำเนินโครงการไม่น้อยกว่าในปีที่ผ่านมาต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ เพื่อเป็นหลักประกันการส่งผ่านประโยชน์ไปยังผู้บริโภคและสังคม ซึ่งรวมถึงผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ด้วย พร้อมทั้งจัดทำแนวทางปฏิบัติ กรอบเวลาดำเนินการ ตัวชี้วัด และให้ปฏิบัติตามแผนการดังกล่าว โดยให้จัดทำแผนการดำเนินงานเสนอต่อคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าภายใน 90 วัน นับแต่วันที่รวมธุรกิจแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ บางจากฯ จะดำเนินการซื้อหุ้น 65.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของเอสโซ่จาก ExxonMobil ภายหลังจากได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นก็จะดำเนินการทำคำเสนอซื้อหุ้น ESSO ที่เหลือทั้งหมดภายใน 25-45 วัน มั่นใจว่าการทำธุรกรรมจะสิ้นสุดหรือจบดีลภายในสิ้นปี 2566
ส่วนราคาซื้อขายหุ้นสุดท้ายคงต้องรองบการเงินของ ESSO ในไตรมาส 2/2566 แล้วเข้าสูตรในการคำนวณออกมาเป็นราคาเสนอซื้อหุ้น ESSO เชื่อว่าราคาสุดท้ายจะอยู่ในช่วงที่ 8-9 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นราคาเสนอซื้อหุ้น ESSO จาก ExxonMobil และใช้ในการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ซื้อหุ้น ESSO คืนจากรายย่อย คิดเป็นมูลค่ากิจการ 5.5 หมื่นล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนในการซื้อหุ้น ESSO นั้นมาจากกระแสเงินสดและการกู้ยืมจากสถาบันการเงินด้วย