xs
xsm
sm
md
lg

“แบร์เฮาส์” ชงชานมไข่มุกรุกอีสาน แบรนด์จีนดาหน้าบุกไทยชูราคาต่ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน360 – “แบร์เฮาส์” รุกหนักตลาดร้านชานมไข่มุก มองเป็นแบรนด์โซนบลูโอเชียน ปีนี้เปิดใหม่อีก 10 สาขา เน้นกทม. อีสาน ก่อนขึ้นเหนือลงใต้ปีหน้า เล็งบุกตลาดต่างประเทศ


นายอรรถกร รัตนารมย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้จัดการทั่วไป บริษัท 21 ซันแพสชั่น จำกัด ผู้บริหารร้านชานมไข่มุกแบร์เฮาส์ (BEARHOUSE) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดชานมไข่มุกกลับกลายมาเป็นตลาดบลูโอเชียนอีกครั้ง (Blue Ocean) หลังจากที่ผู้ประกอบการหลายรายได้เลิกไป รวมทั้งเริ่มหันไปสนใจลงทุนในเรื่องอาหารกันมากขึ้น โดยเฉพาะประเภท ชาบู หม่าล่า ปิ้งย่าง และลงทุนเปิดร้านกาแฟมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดชานมไข่มุกแข่งขันน้อยลง ไม่รุนแรงเหมือนในอดีต เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา ที่เริ่มเป็นตลาดเรดโอเชียน (Red Ocean) และการแข่งขันมีความดุเดือดอย่างมาก

แต่ในทางกลับกันจะมีแบรนด์จากจีนเข้ามาเปิดมากขึ้น โดยที่มีระดับราคาที่ต่ำกว่าเพราะต้นทุนต่ำกว่าของไทย ซึ่งตลาดรวมชานมไข่มุกในไทยมีระดับที่แตกต่างกันตามราคา ตั้งแต่ แมส ราคาต่ำกว่า 30 บาท ระดับกลางไม่เกิน 60 บาท และระดับบน

นายอรรถกร กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารไทยมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 16% ส่วนตลาดร้านชายังเติบโตต่อเนื่อง แต่แข่งขันสูงมีคู่แข่งมากในตลาดเรดโอเชียน เนื่องจากเป็นสินค้าและบริการที่เหมือนๆกัน แต่แบร์เฮาส์จัดอยู่ในกลุ่มบลูโอขียน มีคู่แข่งน้อย แข่งขันในด้านสร้างคุณค่าและความแตกต่างของแบรนด์ ซึ่งแบร์เฮาส์อยู่ในกลุ่มพรีเมี่ยมแมส


สำหรับมูลค่าตลาดชานมไข่มุกนั้น ไม่สามารถระบุได้ว่ามีเท่าไร แต่เมื่อช่วง 4ปีที่แล้วมีการคาดการณ์กันไว้ว่าประมาณ 3,000 – 4,000 ล้านบาแต่ล่าสุดเห็นมีข้อมูลระบุว่า 25,000 ล้านบาท ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือออาจะเป็นตัวเลขที่รวมถึงชาทั่วไปด้วยหรือเปล่าไม่ชัดเจน แต่ว่าคนไทยบริโภคชานมไข่มุกมากเป็นอันดับที่สองของอาเซียน แต่ในเอเซี ยที่บริโภคมากที่สุดคือ คนจีน คนไต้หวัน

อย่างไรก็ตามในส่วนของบริษัทฯก็ยังคงเดินหน้าาขยายะธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เปิดธุรกิจมาเมื่อปี 2562 หรือเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมากับมีการสาขาแรกคือที่สยามสแควร์ และพัฒนามาตลอดเวลา กระทั่งปัจจุบันมีร้านเปิดดำเนินการแล้วรวม 23 สาขา ในกรุงเทพและปริมณฑล และเปิดในต่างจังหวัดสาขาแรกที่นครราชสีมาเมื่อปี2565


ทั้งนี้ปี2566นี้วางแผนที่จะขยายร้านเพิ่มอีก 10 สาขา เพื่อให้สิ้นปีนี้มีครบ 33 สาขาในไทย จากขณะนี้ 23 สาขาโดยดำเนินการเองทั้งหมดไม่มีการขายแฟรนไชส์แต่อย่างใด ยังคงเน้นไปที่ กรุงเทพฯ ปริมณฑลและภาคอีสานมาก ขึ้น เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี เน้นเปิดตามศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ มากกว่าเปิดแบบสแตนด์อโลน ส่วนปีหน้าคาดว่าจะเริ่มขยายไปทางภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ และภาคใต้เช่น หาดใหญ่ นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะขยายตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกันภายในปี2568ซึ่งเอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะเป็นรูปแบบใดดี การขายลิขสิทธิ์แฟรนไชส์กับการหาผู้ร่วมทุน
ส่วนแผนระยะยาว ตั้งเป้าเปิดร้านแบร์เฮาส์ให้ได้รวมในไทย 109 สาขา ภายในปี 2571 และมีแผนที่จะเข้าตลาดหุ้นด้วย เบื้องต้นมองไปที่ตลาด MAI ก่อน

ยอดขายที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2562 มีประมาณ 17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาเป็น 82 ล้านบาท ในปี 2563 และเพิ่มขึ้นเป็น 104 ล้านบาทในปี 2564 ส่วนปี 2565 ทำได้ 210 ล้านบาท ซึ่งเติบโตมากถึง 79% ซึ่งผู้บริหารทั้งสองยืนยันว่า เป็นการเติบโตที่สูงที่สุดในตลาดร้านชาในไทย ซึ่งการเติบโตเป็นผลมาจากการที่ขยายสาขามากขึ้น และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเมนูใหม่ๆต่อเนื่อง และการมีผลิตภัณฑ์อื่นๆเพิ่มเติม จำหน่ายในร้าน เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้หลากหลาย ทั้งนี้ยอดขายเฉลี่ยของร้านแบร์เฮาส์มีประมาณ 8,000 แก้วต่อวัน แบ่งเป็น ซื้อหน้าร้านหรือวอล์กอิน 60% และดีลิเวอรี่ 40% ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 50%


นางสาวปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท 21 แพสชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ล่าสุดได้เปิดตัวร้านใหม่ที่23 ที่อโศกสุขุมวิท ลงทุนเกือบ 4 ล้านบาท และได้เปิดตัวเมนูใหม่ 2 หมวดสินค้า คือ ชาผลไม้นุ่มชีส และชาใสนุ่มชีส โดยชาผลไม้นุ่มชีสมี 3 รสชาติ ชาพีชลิ้นจี่นุ่มชีส ชาเนื้อส้มนุ่มชีส และชาเสาวรสมะม่วงนุ่มชีส ราคาแก้วละ 120 บาท

“จริงๆแล้วแบร์เฮาส์มีเมนูชาผลไม้ที่ทานกับชีสมาตั้งแต่ปี2562 แต่ตอนนั้นยังไม่เป็นที่นิยมของตลาด แต่ปัจจุบันเทรนด์และการตอบรับชาผลไม้มาแรงมาก เราจึงถือโอกาสต่อยอดเป็นเมนูใหม่ทันที และปรับรูปแบบการทำตลาดจากออนไลน์เป็นการทำแบบอินสโตร์มาร์เก็ตติ้ง ด้วยการตกแต่งร้านทุกสาขาควบคู่ไปกับการจัดโปรโมชั่น เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการTrail Product ทดลองสินค้า”










กำลังโหลดความคิดเห็น